xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.น.ลงตรวจสอบป้ายแอลอีดี “แยกปทุมวัน” ยันเดินหน้าเอาผิดทางวินัย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผบช.น. เผย ลงพื้นที่ตรวจสอบป้ายโฆษณา “แอลอีดี” บนป้อมจราจร แยกปทุมวัน ระบุกระบวนการเอาผิดทางวินัย แพ่งยังไม่จบ แม้การแต่งตั้งโยกย้ายนครบาลจะเสร็จแล้ว ยันไม่มีการกลั่นแกล้งใคร

เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (20 ม.ค.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จารุต ศรุตยพร ผกก.น.ปทุมวัน พ.ต.ท.มงคล พานสูงเนิน ผกก.1 บก.ปทส. นายจรัส พีรนาถไพบูลย์ หัวหน้าสายตรวจการกระทำความผิดทางป่าไม้ และตัวแทนจากสำนักงานเขตปทุมวัน ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจป้ายโฆษณา แอลอีดี บริเวณแยกปทุมวัน แขวง/เขตปทุมวัน กทม.

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการลงตรวจสอบพื้นที่ทาง บช.น. รับผิดชอบ เราให้ทางกรมป่าไม้ตรวจก่อน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 5 และมาตรา 54 จากนั้นทางกรมป่าไม้จะเข้าร้องทุกข์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวน แต่ขึ้นอยู่ว่าทางกรมป่าไม้จะร้องทุกข์ลักษณะไหนกับที่ใด ซึ่งนครบาลไม่มีส่วนได้เสีย และไม่ได้มีการมาร้องทุกข์กับนครบาล ส่วนทาง กทม. จะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นต้องดูตามหลักกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวว่าถามว่า เกรงจะเกิดข้อสงสัยหรือไม่ว่าทำไม ผบช.น. ถึงเล่นไม่เลิก พยายามเอากฎหมายข้อนั้นข้อนี้มาจับ

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ไม่ใช่เล่นไม่เลิก แต่กระบวนการทางกฎหมายมันยังไม่จบ และยังไม่สิ้นกระแสเท่านั้นเอง โดยมีความผิดทางวินัย อาญา แพ่ง พอวินัยผ่านจบไปแล้วก็เหลือเพียงอาญาและแพ่ง ส่วนอะไรที่เข้าข่ายอาญาบ้าง เป็นเรื่องของกระบวนการสืบสวน สำหรับเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บช.น. ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งกันแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องป้ายดังกล่าวตนได้มีการสั่งการให้ โรงพักทุกแห่งในสังกัดนครบาลตรวจสอบ สำหรับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มีอยู่ 2 อย่าง คือ ปฏิบัติตามหน้าที่และการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถ้าหากละเว้นก็ถือว่าผิด ถ้าหากเข้ามาดูแลพื้นที่เป็นเวลา 2 เดือนแล้วยังไม่แก้ไขให้คนอื่นมาแก้ไข ถือว่านั่นคือความผิดทางวินัย โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเนื่องจากเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง หากพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการตามความผิดต่อไป

ด้าน นายจรัส กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการนั้นจะมีการตรวจสอบในเรื่องของที่ดินดังกล่าวว่า มีการออกโฉนดตามกฎหมายที่ดิน นส.3 หรือไม่ ซึ่งในตัวกฎหมายนั้นระบุไว้ชัดเจนว่า ที่ดินใดในประเทศไม่ว่าจะเป็น ห้วย หนอง คลอง บึง หรือที่ดินว่าเปล่านั้น ถือเป็นที่ดินของรัฐ หากหน่วยงานใดที่จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ดังกล่าวนั้นต้องมีการทำหนังสือเพื่อมาขอออกโฉนดก่อนถึงจะถูกต้อง ซึ่งจะมีการตรวจสอบไปยังสำนักงานเขตในพื้นที่ดังกล่าวที่รับผิดชอบว่ามีการออกโฉนดหรือไม่ ทั้งนี้ในส่วนของป้อมจราจรที่ตั้งอยู่นั้นถือเป็นการใช้พื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนแต่ในส่วนของป้ายโฆษนาที่ตั้งอยู่บนป้อมนั้นต้องมีการตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ ส่วนของความผิดนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อหาหลักดัวยกัน คือ 1. บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5 หมื่นบาท 2. บุกรุกที่ดินของรัฐ 3. พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
กำลังโหลดความคิดเห็น