บช.น.ปล่อยแถวกวดขันวินัยจราจร เข้มงวด 3 มาตรฐานทั้งห้ามเมาแล้วขับ ความเร็วในขณะขับขี่และสวมหมวกนิรภัย ยันหากฝ่าฝืนเจอยึดรถจนกว่าจะไปหาซื้อหมวกนิรภัยมาใส่ก่อนจะคืนรถให้ขับขี่ต่อ
วันนี้ (22 ธ.ค.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.พร้อมด้วยพล.ต.ต.อภิสิทธิ์ เมืองเกษม ผบก.จร. พ.ต.ท.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ สว.จร.สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ร่วมกับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด แถลงข่าวการเปิดโครงการกวดขันวินัยจราจรสวมใส่หมวกนิรภัยขณะขับขี่และซ้อมท้ายรถจักรยานยนต์ บริเวณแยกรัชโยธิน โดยกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และโดยสารต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายขณะขับขี่หากฝ่าฝืนจะมีความผิดดังนี้ 1. ผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัยจะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท 2. ผู้ขับขี่จักรยานยนต์โดยมีผู้โดยสารซ้อนท้ายหากผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัยจะมีโทษปรับเป็น 2 เท่า คือ ปรับได้ไม่เกิน 1,000 บาท
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ที่มีเป้าหมายให้ทั้ง 88 สน.ร่วมกันกวดขันให้ประชาชนสวมใส่หมวกนิรภัยโดยจะต้องปฎิบัตให้ได้ 100% ตลอดทั้งปีไม่ใช่แค่เพียงช่วงปีใหม่เท่านั้น โดยจะบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดทั้งหมด 3 เรื่องด้วยกัน คือ ห้ามเมาแล้วขับ ความเร็วของการขับขี่ และการสวมหมวกนิรภัย เมื่อทำการจับกุมแล้วจะต้องมีการรายงาน การประเมินวันต่อวัน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับร่วมกับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้มีการแจกหมวกนิรภัยฟรีแก่เด็ก และผู้ใหญ่ต้องนำใบสั่งปรับมาซื้อในราคา 99 บาท ซึ่งเป็นหมวกที่มี มอก.ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้สั่งการให้หลังจับกุมผู้กระทำความผิดแล้วยึดรถไว้ก่อนจนกว่าจะไปทำการซื้อหมวกนิรภัยมาก่อนจะคืนรถให้ขับขี่เช่นเดิม นอกจากนี้ยังหากผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย ผู้ขับขี่จะต้องเสียค่าปรับเป็นสองเท่า
