พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ได้มีการประกาศแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่10) พ.ศ.2557 โดยมีสาระสำคัญที่จะทำให้การบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกรณีผู้ที่เมาสุราแล้วขับรถ คือ ในมาตรา 142 ระบุให้เจ้าพนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถ และสั่งให้ทดสอบผู้ขับขี่ว่า หย่อนความสามารถที่จะขับหรือเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่ กรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวนมีอำนาจกักตัวไว้ดำเนินการทดสอบภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ทำการทดสอบ หากผู้นั้นไม่ยินยอมให้ทดสอบให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนขับขี่รถขณะเมาสุรา
ทั้งนี้จะมีผลให้ผู้ที่ไม่ยอมเป่าทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ จะได้รับโทษเท่ากับผู้ที่เมาแล้วขับคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาต โดยกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป
พ.ต.อ.ภูษิต กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จะมีผู้ที่ไม่ยินยอมทำการทดสอบแต่โดยดี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานลำบากมากขึ้น ในการที่จะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อส่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ที่ไม่ยอมเป่าทดสอบ และบางรายอาจใช้เป็นช่องทางที่จะหลบเลี่ยงการรับโทษเมา โดยยอมเสียค่าปรับในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่มีโทษน้อยกว่า คือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทแทน
ทั้งนี้ตามกฎหมายที่ประกาศใช้ใหม่นี้กรณีการกักตัวไว้ เพื่อทำการทดสอบเจ้าหน้าที่จะให้เวลาไม่นานจนเกินไป หากผ่านไป 10 – 20 นาที ยังไม่ให้ความร่วมมือจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเข้มงวด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมาการดื่มสุราแล้วไปขับรถนั้นยังคงเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดความสูญเสียต่อผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเจ้าหน้าที่จะเดินหน้ากวดขันต่อไปเริ่มตั้งแต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ จึงขอความร่วมมือผู้ที่ใช้รถใช้ถนน หากต้องการเฉลิมฉลองดื่มสุราไม่ควรขับรถ
ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวของผู้ที่ขับขี่เอง รวมถึงสังคมส่วนรวม
ทั้งนี้จะมีผลให้ผู้ที่ไม่ยอมเป่าทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ จะได้รับโทษเท่ากับผู้ที่เมาแล้วขับคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาต โดยกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป
พ.ต.อ.ภูษิต กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จะมีผู้ที่ไม่ยินยอมทำการทดสอบแต่โดยดี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานลำบากมากขึ้น ในการที่จะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อส่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ที่ไม่ยอมเป่าทดสอบ และบางรายอาจใช้เป็นช่องทางที่จะหลบเลี่ยงการรับโทษเมา โดยยอมเสียค่าปรับในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่มีโทษน้อยกว่า คือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทแทน
ทั้งนี้ตามกฎหมายที่ประกาศใช้ใหม่นี้กรณีการกักตัวไว้ เพื่อทำการทดสอบเจ้าหน้าที่จะให้เวลาไม่นานจนเกินไป หากผ่านไป 10 – 20 นาที ยังไม่ให้ความร่วมมือจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเข้มงวด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมาการดื่มสุราแล้วไปขับรถนั้นยังคงเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดความสูญเสียต่อผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเจ้าหน้าที่จะเดินหน้ากวดขันต่อไปเริ่มตั้งแต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ จึงขอความร่วมมือผู้ที่ใช้รถใช้ถนน หากต้องการเฉลิมฉลองดื่มสุราไม่ควรขับรถ
ทั้งนี้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวของผู้ที่ขับขี่เอง รวมถึงสังคมส่วนรวม
