เหตุผลสำคัญที่ทำให้การจัดทำบัญชีแต่งตั้ง ระดับ สารวัตร ถึง รองผู้บังคับการ ประจำปีครั้งนี้ ไม่ทันตามกรอบเวลา และความตั้งใจของ “ผบ.สมยศ” คือ “ตั๋วไม่ลงตัว” ซึ่งเป็นสัจธรรมวงการตำรวจ ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคที่มีนักการเมืองบริหารบ้านเมือง หรือแม้แต่ยุคที่รัฐบาลมาจากทหาร ก็หนีไม่พ้นวัฎจักร วังวนเดิมๆ
ทำไปทำมาปฏิทินแต่งตั้ง "นายพัน" สีกากี ที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน ขีดเส้นวางกรอบไว้ให้การแต่งตั้งระดับ สารวัตร (สว.) –รองผู้บังคับการ (รองผบก.) ทั่วประเทศ ประจำปี 2557 ต้องเสร็จสิ้นทั้งหมด ภายในกำหนดวันที่ 29 ธ.ค. ก่อนเดดไลท์ที่ขอคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ไว้ ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ดูท่าอาจจะต้องลุ้นกันตัวโกร่ง และมีแนวโน้มจะต้องยืดยาวออกข้ามปี
ตอนนี้เลยเริ่มมีสูตรการทำบัญชีแต่งตั้ง “นายพัน” แพลมๆออกมาสะพัดแวดวงสีกากี กรณีที่คำสั่งแต่งตั้งไม่ทันตามกำหนดเวลา โดยสูตรแรก คือ สูตรตัดทอนเร่งทำเฉพาะระดับ ผู้กำกับการ (ผกก.) – รองผู้บังคับการ (รองผบก.) ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ และค่อยเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ก.ตร. ขอขยายการแต่งตั้งระดับ สารวัตร(สว.) - รองผู้กำกับการ(รองผกก.) ออกไปหลังปีใหม่
สูตรสอง ใช้สูตรยกยวง คือ ยกยอดการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย “นายพัน” ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับ สารวัตร(สว.) – รองผู้บังคับการ (รองผบก.) ทุกเก้าอี้ ไปทำบัญชีกันต่อหลังปีใหม่ โดยยื่นขอ ก.ตร. กลางอาทิตย์สุดท้ายของเดือนธ.ค. ขยายเวลาการแต่งตั้ง “นายพัน” ออกไป จนถึงวันที่ 31 ม.ค.2558 อ้างเหตุ การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับปฏิบัติในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่อาจจะเกิดผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จำเป็นต้องเลื่อนออกไปให้ผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ไปก่อน
สูตรสุดท้าย คือ สูตรใส่เกียร์ 5 เร่งทำบัญชีแต่งตั้งทั้งหมดให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลาที่วางไว้ ให้ทันวันที่ 29 ธ.ค.นี้ และให้คำสั่งแต่งตั้งมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 5 ม.ค.2558
หากพิจารณาตามกระแสความเคลื่อนไหวในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพัน” ครั้งนี้แล้ว ต้องบอกว่าสูตรสุดท้าย คือ สูตรใส่เกียร์ 5 เดินหน้าให้จบ เหลือเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ริบหรี่ลงไปทุกนาที
เหตุผลสำคัญที่ทำให้การจัดทำบัญชีแต่งตั้ง ระดับ สารวัตร ถึง รองผู้บังคับการ ประจำปีครั้งนี้ ไม่ทันตามกรอบเวลา และความตั้งใจของ “ผบ.สมยศ” คือ “ตั๋วไม่ลงตัว” ซึ่งเป็นสัจธรรมวงการตำรวจ ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคที่มีนักการเมืองบริหารบ้านเมือง หรือแม้แต่ยุคที่รัฐบาลมาจากทหาร ก็หนีไม่พ้นวัฎจักร วังวนเดิมๆ
“อำนาจ” เป็นสิ่งที่หอมหวาน ใครได้เสพได้ชิมแล้ว อมโบสถ์ทั้งโบสถ์มายืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ตามกติกา โดยเฉพาะวงการ “ตำรวจ” ที่เกี่ยวพันเชื่อมโยงกับผลประโยชน์แล้ว ร้อยทั้งร้อยก็ไม่มีทางเหลือ อยู่ที่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
ยิ่งพฤติกรรมตำรวจที่ฝั่งรากลึกในเรื่องการเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ต้องใช้การ “วิ่งเต้น” แล้ว มีการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใด ไม่ว่าใหญ่ หรือ เล็ก ในฤดูการแต่งตั้ง หรือ นอกฤดูการแต่งตั้ง ขอให้มีสัญญาณการแต่งตั้งออกมาเถอะ “นักวิ่งสีกากี” เป็นอันต้องสวมรองเท้าเข้าลู่ เข้าเลน ลงสนามทุกครั้ง เพราะที่ตำรวจชอบอ้างกัน
“หากเราไม่วิ่ง คนอื่นก็วิ่งมาเตะเรา” เรียกว่า จะอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อก็ต้อง “วิ่งเต้น” หรือ หากอยากจะโยกย้ายไปอยู่ตำแหน่งอื่นก็ต้อง “วิ่งเต้น” เป็นหลักปฏิบัติที่แวดวงสีกากีต่างรู้ซึ่งอยู่แก่ใจ
การแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพัน” ครั้งนี้ก็เช่นกัน “ตั๋ว”นักวิ่ง กองเป็นภูเขาเลากา พล.ต.อ.สมยศได้สัมผัสความรู้สึก “อึดอัด” เหมือนอย่างที่ ผบ.ตร. คนอื่นๆ เผชิญภาวะ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” มาแล้ว เพราะ “ตั๋ว” เด็กฝากที่ทุกตั๋วก็สำคัญไปหมด มากกว่า “ตำแหน่ง” ที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายเสียอีก
ในยุคนี้ “ตั๋ว” ถูกวางน้ำหนักไว้ 4 สาย คือ สายตรงทำเนียบ สายพี่ใหญ่หรือบิ๊กบราเธอร์ สายน้องชายบิ๊กบราเธอร์ และสายบิ๊กสีกากี
สายตรงทำเนียบ ยุคนี้มีไม่มากนัก เพราะด้วยผู้ที่กุมบังเหียนเคยอยู่ในระบบราชการ รู้ซึ้งถึงหัวอกข้าราชการ ทำให้มีแค่การแนะนำมาเล็กน้อย สายบิ๊กสีกากี นี่แทบไม่ใช่ปัญหา เพราะถูกปลุกปั้นให้ขึ้นมาเป็นใหญ่ รายการตอบแทนบุญคุณคงต้องมีมากกว่าการทำตามใจตัวเอง เช่นเดียวกับสายน้อยชายบิ๊กบราเธอร์ ที่ขอแยกส่ง “ตั๋ว” มาต่างหาก โดยใช้สายสัมพันธ์ครั้งอดีตกับสายบิ๊กสีกากีก็มีแจมเน้นๆมาเฉพาะพวกลูกน้องเก่าๆ เพื่อไม่ให้เสียรางวัด
แต่ที่มีปัญหาหนักสุด และน่าจะเป็นเหตุให้โผ “ปั่นป่วน” จนอาจสะดุดต้องเลื่อนข้ามปี คงเป็นสายพี่ใหญ่บิ๊กบราเธอร์ ซึ่งลำพังตัวพี่ใหญ่ไม่น่าจะสร้างความวุ่นวายมากนัก เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับแวดวงสีกากีเท่าไหร่ แต่ที่ทำให้เกิดปัญหา คือการใช้บริการ “น้องเลิฟ” ที่แวดวงสีกากีต่างร้อง “ยี้ “ อย่าง “จ.หวานเจี๊ยบ” มาช่วยทำบัญชี เลยเกิดความปั่นป่วนไปทุกกองบัญชาการ
ด้วยสายสัมพันธ์ระหว่าง “จ.หวานเจี๊ยบ” กับ พี่ใหญ่บิ๊กบราเธอร์ ที่แนบแน่น ชนิดพี่เลิฟกับน้องรัก ทำให้ “จ.หวานเจี๊ยบ” สามารถจับมือกับ “นายพลตัวขาว” ที่คอยดูแลเรื่องกำลังพล มหกรรม “จับซ้าย ย้ายขวา” หยิบคนนั่นหยิบคนนี้ก็เกิดขึ้น จนเกิดรายการ “สอดไส้” ยัดรายชื่อส่งไปแต่ละกองบัญชาการ จน “ผู้บัญชาการ” ร้องโอดโอย
ไม่ให้ร้องได้อย่างไร ขนาด ผู้บัญชาการเมืองกรุง ที่ว่าแน่ๆ เป็นหนึ่งในน้องเลิฟ พี่ใหญ่บิ๊กบราเธอร์เหมือนกัน เจอบัญชีที่ส่งรายชื่อ คนจะลงมาเป็น “ผกก.” ถึง 30 ราย พร้อมแนะนำให้เอาคนเก่าออกนอกหน่วยไปอยู่ที่อื่น ถึงกับควันออกหู สวนสัตว์ออกมาวิ่งกันชุดใหญ่
ถึงขนาดพี่ใหญ่บ้านบิ๊กบราเธอร์ ต้องเรียก “จ.หวานเจี๊ยบ” กับ “นายพลตัวขาว” ไปถามไถ่และให้ไปเคลียร์ใจกับ “ผู้บัญชาการเมืองกรุง” กำชับกำชา อย่าให้มีปัญหาเกิดขึ้น
เจอแบบนี้เข้าไป โผ “นายพัน” ที่ “ผบ.สมยศ” หมายมั่นปั่นมือ จะทำให้สวยๆ สร้างชื่อเป็นเกียรติประวัติ ครั้งหนึ่งทำบัญชีแต่งตั้งจบเสร็จสิ้นตามกำหนด ไม่ต้องยืดเยื้อยาวนาน คงได้แค่ฝันซะแล้ว.