xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.น.โต้เฟซบุ๊ก “นพพร” ใส่ร้าย ตร.บิดเบือน เร่งลากคอมาดำเนินคดี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ผบช.น. โต้เฟซบุ๊ก “นพพร” กล่าวหา ตร. บิดเบือนคดี ไม่เป็นความจริง ยันสอบถามพนักงานสอบสวนที่ถูกพาดพิงแล้ว ถือว่าเป็นการใส่ร้าย ยังไม่ยืนยันหลบไปประเทศใด อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงคดีความคืบหน้ากรณี นายณัฐวัฒน์ วเสถียร พบศพชาวต่างชาติภายในอาคารร้าง (สาธรยูนีค ทาวเวอร์) ซอยเจริญกรุง 51 ถนนเจริญกรุง แขวง/เขตยานาวา กทม. ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติม ทราบว่าผู้ตายคือ นายสติก โยฮัน คริสเตียน ฮัมมาร์สเตียน อายุ 30 ปี ชาวสวีเดน ว่า มีรายงานแจ้งมาจากผู้การ 191 ว่า ตู้โทรศัพท์ที่นายณัฐวัฒน์ แจ้งมาว่าได้ติดต่อมายัง 191 คือ เบอร์ 02-632-2383 ซึ่งไม่ตรงกับเบอร์ของตู้โทรศัพท์ในพื้นที่ที่นายณัฐวัฒน์ ระบุไว้ และหลักฐานในคอมพิวเตอร์ที่สามารถบันทึกสาย โทร. เข้านั้น ก็ไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีการ โทร. เข้า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลัง

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีการวางแนวทางว่าจะจัดสร้างบุคคลภายนอก หรือ เอาต์ซอร์ส เพื่อมาจัดตั้งระบบการติดต่อเข้ามาที่เบอร์ 191 ใหม่ทั้งหมด โดยการวางระบบการบันทึกข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการได้ เพราะที่ผ่านมาเกิดระบบขัดข้อง ประชาชนไม่สามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อร้องทุกข์และร้องเรียนเหตุต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง ส่วนกรณีที่นายณัฐวัฒน์ โทร. เข้ามาที่ 191 นั้น ทางเจ้าหน้าที่ขอยืนยันว่าไม่มีรายการ โทร. เข้า หรือข้อมูล โทร. เข้าในเครื่องคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด หากพบว่าม้ข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ จะติดต่อประสานเพื่อชี้แจงอีกครั้ง

ส่วนกรณีของ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี เศรษฐีหมื่นล้าน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ที่ 138/2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 112 ร่วมกันทำร้ายผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่ กระทำการนั้นหรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ที่หนีออกนอกประเทศ แล้วถ่ายภาพถือหนังสือชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ลงเฟซบุ๊ก ว่า ตนเป็นเหยื่อ หรือผู้ที่ถูกกระทำ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีชื่ออ้างในหนังสือนายนพพร มาสอบปากคำแล้ว รวมทั้งสอบปากคำ น.ท.ปริญญา รักวาทิน หรือ เจี๊ยบ อายุ 52 ปี กรรมการผู้จัดการเรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายศาลทหาร ที่ 139/2557 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 57 ในข้อหาเดียวกัน มาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน


กำลังโหลดความคิดเห็น