กองปราบจับลูกบอร์ดดีเอสไอ หลอกขายหุ้นกว่า 281 ล้านบาท อ้างเป็นหุ้นที่ได้มาจากมีผู้อุปการคุณ ก่อนจะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เบื้องต้นดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทน ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผบก.ป.พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.จินภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป.แถลงผลจับกุม นายปาณสาร สมชีวิตา หรือมีน อายุ 33 ปี บุตรชาย นายสันทัน สมชีวิตา คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ดดีเอสไอ) และอดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อยู่บ้านเลขที่ 36 ซ.ปานทิพย์ 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยจับกุมได้ที่หาดเจ้าสำราญ ต.เจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายกว่า 30 ราย เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ นายปาณสาร ซึ่งหลอกลวงว่ามีหุ้น IPO หรือหุ้นที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรกก่อนที่จะเข้าทำการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่า ได้รับการจัดสรรมาจากผู้มีอุปการคุณ จำนวน 3 ตัว คือหุ้น 1.หุ้นบริษัทคาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG) 2.หุ้นบริษัทวิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน ) (VPO) 3.หุ้นบริษัทเมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) รายละกว่า 1 ล้านหุ้น ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่ามีโอกาสทำกำไรได้ จึงหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาไป รวมมูลค่าความเสีย จำนวน 281 ล้านบาท
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อถึงกำหนดวันเปิดตลาดผู้ต้องหาไม่สามารถโอนหุ้นเข้าไปในบัญชีของผู้เสียหายแต่ละคนได้ เมื่อถูกทวงถามเจ้าตัวกลับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าติดขัดในขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากนั้นก็อ้างอีกว่าถูก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.อายัดเงินไว้ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบกลับพบว่า โดนหลอกลวงหลายคน จึงรวมตัวเข้าแจ้งความ ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเสนอหมายจับต่อศาลอาญา กระทั่งตามจับกุมได้ดังกล่าว
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาได้กระจายหุ้นผ่านโบรกเกอร์ จำนวน 2 ราย ซึ่งจากการสอบถามก็รับว่า ไม่มีหุ้นอยู่จริง มีเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนโบรกเกอร์จะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้นก็จะสืบสวนสอบสวนขยายผล หากเกี่ยวข้องต่อการกระทำความผิดก็จะขออนุมัติหมายจับต่อไป ทั้งนี้ ผู้ต้องหายอมรับว่าทำมาแล้ว 2-3 ครั้ง พอได้กำไรก็เอาเงินไปหมุน ทำให้เหยื่อตายใจว่ามีหุ้นอยู่จริง ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเงินที่ได้จากการกระทำความผิดว่าผู้ต้องหาถ่ายโอนไปไว้ที่ไหนบ้างเพื่อจะตามยึดมาเป็นของกลางต่อไป
“ผู้ต้องหารับปากว่ายินดีจะคืนเงินให้ผู้เสียหายทุกราย แต่ในส่วนของทางด้านคดีนั้นไม่สามารถยอมความกันได้ เนื่องจากเป็นความผิดในคดีอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน” รักษาราชการแทน ผบช.ก.กล่าว
นายปาณสาร ผู้ต้องให้การเพียงสั้นๆ ว่า ยอมรับว่ากระทำผิดจริง แต่ตั้งใจจะชดใช้เงินเคลียร์แก่ผู้เสียหายทุกราย ส่วนยอดเงินที่ตนได้ไปจากผู้เสียหายก็ประมาณ 200 กว่าล้านบาท จะรีบหามาชดใช้ให้ทุกราย
ด้าน นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งรับอาสาเป็นทนายให้ผู้เสียหายในคดีนี้ กล่าวว่า จากการสอบถามลูกความทราบว่า เคยซื้อขายหุ้นกับผู้ต้องหามา 3-4 ครั้ง จึงเกิดความเชื่อใจ โดยผู้ต้องหาเอาหุ้นตัวดังๆ มาขายและอาศัยว่าเป็นลูกนักการเมือง จึงสร้างความน่าเชื่อถือได้มาก ซึ่งในวันนี้มีผู้เสียหายประสานมาทางตนเพิ่มอีก 5 คน เชื่อว่าความเสียหายสูงถึง 500-600 ล้านบาท และเชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว