ตำรวจยื่นฝากขังครั้งที่ 2 “พงศ์พัฒน์” กับพวก 10 ราย ในคดีหมิ่นเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์และผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (4 ธ.ค.) พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2557 และที่ 644/2557 ลงวันที่ 26 พ.ย. 2557 ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 2 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีต บช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีตรอง ผบช.ก. ผู้ต้องหาคดีร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ เป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อายุ 50 ปี ผู้บังคับหมู่ กก.ปพ.บก.ป. ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อายุ 48 ปี ผู้บังคับหมู่ กก.ปพ.บก.ป. ผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ นางปิยพรรณ ชินนะประภา อายุ 56 ปี และนายชอบ ชินนะประภา อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์
คำร้องระบุว่า ตามคำร้องฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2557 ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ทั้ง 6 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2557 ถึงวันที่ 5 ธ.ค. 2557 ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการนั้น บัดนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องทำการสอบปากคำพยานสำคัญอีก 45 ปาก รอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง รอตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์ที่ตรวจยึดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และรอผลการตรวจพิสูจน์หรือเปรียบเทียบของกลางกับผู้ต้องหาจากกองพิสูจน์หลักฐาน ด้วยเหตุและความจำเป็นดังกล่าว จึงขอศาลฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นครั้งที่ 2 มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค. 2557 ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนขอคัดค้านขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร ยังยื่นคำร่องฝากขังครั้งที่ 2 พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อายุ 55 ปี อดีต ผบก.รน. และพ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อายุ 46 ปี ผกก.4 บก.ปคบ. ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยคำร้องฝากขังสรุปว่า ตามที่ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ทั้ง 2 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2557 ถึงวันที่ 5 ธ.ค. 2557 ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการนั้น พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนปากคำพยานปากสำคัญอีก 19 ปาก รอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง รอผลตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์สินที่ตรวจยึดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และรอผลการสอบสวนขยายผลถึงสถานที่เก็บซ่อนทรัพย์สินเพิ่มเติม ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น จึงขอศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหานี้ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ 2 มีกำหนด 12 วัน นับแต่วันที่ 6-17 ธ.ค. นี้ ทั้งนี้หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนได้
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.วีระวุฒิ บำรุงสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2557 ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 2 นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 ปี และนางสวงค์ หรือสวงศ์ มุ่งเที่ยง อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 19 และ 47
คำร้องระบุว่าตามที่ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ทั้ง 2 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2557 ถึงวันที่ 5 ธ.ค. 2557 ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการนั้น พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนปากคำพยานอีก 2 ปาก รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และรอผลการตรวจพิสูจน์ซากสัตว์ป่าคุ้มครองของกลาง จากผู้เชี่ยวชาญของกรมประมง และกรมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชมาประกอบสำนวนการสอสวน ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไว้ระหว่างสอบสวน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค. 2557
จากนั้นเวลา 14.30 น. ที่ห้องเวรชี้ศาลอาญาศาลได้สอบถามจำเลยทั้งจำนวน 10 คน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง โดยไม่ต้องคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาศาลอาญา ผู้ต้องหาทั้งสิบไม่คัดค้านศาลอนุญาตให้ฝากขังได้