ปอศ.ทลายโรงงานผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ละเมิดเครื่องหมายสินค้า ส่งจำหน่ายในต่างประเทศ จำนวน 2,646 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผบช.ก. พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล รอง ผบก.ปอศ. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเครื่องหมายการค้า พร้อมของกลางอาทิ ผ้าคลุมยานพาหนะ มีชื่อรูปรอยประดิษฐ์ยี่ห้อต่างๆ ป้ายทะเบียนรถยนต์และกรอบป้ายทะเบียนรถยนต์ ที่มีชื่อรูปรอยประดิษฐ์ยี่ห้อต่างๆ คิ้วตกแต่งภายในและภายนอกยานพาหนะ เลียนเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ อุปกรณ์เครื่องขึ้นรูปสำหรับขึ้นรูปแผ่นกันแมลง ขวดสีและขวดน้ำยา สำหรับการสกรีนเครื่องหมายบนอุปรณ์ที่สมบรูณ์แล้ว จำนวน 2,646 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่บริษัท ที.พี.คาร์ แอคเซสเซอร์รี่ จำกัด เลขที่ 56 ม.2 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ตัวแทนกลุ่มเจ้าของสิทธิ์ผู้เสียหายในภาคธุรกิจยานยนต์หลายยี่ห้อ ว่ามีโรงงานใน จ.ราชบุรี ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ละเมิดเครื่องหมายสินค้า นอกจากจะจำหน่ายในประเทศไทยแล้วยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น จอร์แดน อียิปค์ อีรัก สิงคโปร์ เป็นต้น โดยหลังจากรับเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำ หมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ 642/2557 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 2557 เข้าตรวจค้นบริษัท ที.พี.คาร์ แอคเซสเซอร์รี่ จำกัด พบของละเมิดทรัพย์ทางปัญญา และเครื่องหมายการค้าจำนวนหลายรายการจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเลียนและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร และเอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์หรือข้อความใดในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ เถื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า เป็นสินค้าของผู้อื่นนั้น ตาม พ.ร.บ.เครืองหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 109 และ 110 อัตราโทษ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป