รรท.ผบช.ก.ระบุจากตรวจสอบโพยชื่อในบัญชีจ่ายส่วย “เสี่ยโจ้” มี ตร.เกี่ยวข้องแค่ 10 กว่าราย รับผลประโยชน์ในช่วงปี 54-55 ช่วงที่พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน นั่งผบก.ตำรวจน้ำ ไม่มียศนายพลเข้าเกี่ยวข้อง เตรียมเรียก “รองฯ โส-ผกก.โย๊ะ” มาสอบสวน ป.ป.ช.ขอข้อมูลก่อนตรวจสอบบัญชี 3 นายพล บช.ก.ว่าเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า วันนี้ ผบ.ตร.เรียกประชุม ชุดสืบสวนและคณะพนักงานสอบสวนในคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.และพวกโดยกำชับให้ ฝ่ายสืบสวนและสอบสวนประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยให้แจ้งผลคืบหน้าให้ทราบกันตลอดเวลาเพื่อให้การทำงานเป็นเนื้อเดียว อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ยังไม่มีการขออนุมัติหมายจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม ส่วนการตรวจค้นที่พัก ที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น ขณะนี้ตรวจค้นไปแล้วประมาณ 14 จุด และยังไม่มีเบาะแสที่ซุกทรัพย์สินเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับส่วยน้ำมันเถื่อนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนจากรายชื่อที่ถูกระบุในบัญชีจ่ายสินบนของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ส่วนใหญ่เป็นการระบุชื่อเล่น มีทั้งตำรวจน้ำ และตำรวจท้องที่ จากการคัดรายชื่อตำรวจพบว่ามีประมาณ 10 กว่านายเท่านั้น ไม่ใช่นายพลตำรวจ 10 นายตามที่เป็นข่าว ส่วนที่ดูเหมือนมีการระบุชื่อจำนวนมาก ตรวจสอบแล้วชื่อซ้ำกัน ทั้งนี้ทั้งหมดต้องมีการเรียกตัวมาสอบสวนอย่างเป็นธรรมว่ามีการรับส่วยหรือไม่อย่างไร ส่วนรองฯ โส และผกก.โย๊ะ ที่ ผบ.ตร.ระบุถึงยังไม่เรียกมาสอบสวน ทั้งนี้ หากได้ตัวนายสหชัยมาให้ข้อมูลก็ดีมาก แต่หากไม่ได้ตัวก็ไม่เป็นไรสามารถสอบสวนในประเด็นการรับส่วยได้ โดยเหตุการณ์ที่กล่าวถึงการจ่ายส่วนนี้เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. 2554-2555 ซึ่งมี พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.ตำรวจน้ำ เป็น ผบก.
วันเดียวกัน นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รวมถึงข้าราชการตำรวจที่ร่วมเครือข่าย ในส่วนของการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินช่วงก่อนเข้ารับตำแหน่งของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
นายวรวิทย์กล่าวว่า ตนได้เข้าพบหารือกับ พล.ต.อ.สมยศ เพื่อประสานขอข้อมูลที่อยู่ในสำนวนคดีจากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนที่รับผิดชอบคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พล.ต.ต.โกวิทย์ และ พล.ต.ต.บุญสืบ ที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เอาไว้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเนื่องจากกฎหมายไม่ได้ระบุให้ต้องเปิดเผย เหมือนกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สำหรับการเข้ามาพบผบ.ตร.วันนี้เป็นแค่การประสานข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่ง ป.ป.ช.เข้ามาดูแลรับผิดชอบตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
“จากนี้ ป.ป.ช.จะต้องรอข้อมูลหลักฐานที่อยู่ในสำนวนคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีดังกล่าวส่งมาให้ก่อน เพื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการตรวจสอบในเรื่องของบัญชีทรัพย์สินช่วงก่อนเข้ามารับตำแหน่งทางราชการของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ว่ามีความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนทรัพย์สินที่ตำรวจสามารถตรวจยึดไว้ได้ว่าตรงกับที่มีการแจ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สามารถเริ่มต้นทำงานได้หากยังไม่ได้รับข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.สมยศบอกว่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในการทำงานอย่างเต็มที่ และจะทยอยส่งข้อมูลที่ขอไปมาให้ ต่อจากนั้น ป.ป.ช.จะได้เริ่มสอบสวนตรวจสอบเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินของอดีตนายตำรวจดังกล่าวว่าผิดปกติหรือไม่ต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานและน่าจะมีการหารือกันอีกครั้งเพื่อทำงานควบคู่กันไป” รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากพฤติการณ์การกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดของข้อมูลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งมาให้ก่อน ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในส่วนของ ป.ป.ช.นั้นมีข้อมูลที่ได้รับแจ้งจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ และ พล.ต.ต.บุญสืบ อยู่แล้ว จากนี้ต้องตรวจสอบเปรียบเทียบกับทรัพย์สินที่แจ้งเอาไว้ คาดว่าคงไม่นานจะทราบผล ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องยึดข้อเท็จจริงตามหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในข่าวสารต่างๆ อาจไม่ตรงกับความเป็นจริงที่อยู่ในสำนวน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ และน่าสงสัยหรือไม่ นายวรวิทย์กล่าวว่า มีการแจ้งเอาไว้ แต่ไม่พบว่าผิดปกติอะไร ถามต่อว่าจากข้อมูลเบื้องต้นพบตำรวจที่เข้าข่ายกระทำผิดและต้องตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินกี่ราย นายวรวิทย์ระบุว่า ในส่วนนี้ต้องรอดูข้อมูลก่อน