กทม.รุดตรวจโรงงานไฟไหม้ ยันมลพิษในอากาศลดลง

หัวหน้าฝ่ายจัดการสารเคมีฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังโรงงานพลาสติก ที่ถูกไฟไหม้ ย่านพระราม 2 ยันค่าสารพิษในอากาศลดลงอยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แต่อาจทำให้เกิดอาการอาเจียน คลื่นไส้ และ ระคายเคือง

จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บของ บจก.ไทยโพลีพลาสแพ็ค ซอยพระราม 2 ที่ 30 ตั้งแต่ เวลา 12.30 น. ของวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เพลิงโหมกระหน่ำสร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัวให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมงตาม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (29 พ.ย.) นายไพฑูรย์ งามมุข หัวหน้าฝ่ายจัดการสารเคมีและวัตถุอันตราย สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบค่าของสารพิษในอากาศภายในและโดยรอบบริษัท ไทยโพลีพลาสแพ็ค จำกัด ภายในซอยพระราม 2 ที่ 44 แขวงและเขตจอมทอง กทม. ที่ถูกเพลิงไหม้

นายไพฑูรย์ กล่าวภายหลังจากเข้าตรวจพื้นที่เสร็จ ว่า จากการตรวจวัดค่าสารพิษในอากาศนั้น ซึ่งค่ามาตรฐานนั้นอยู่ที่ 0.2 PPM แต่วันนี้วัดได้แค่ 0.1 PPM ถือว่าต่ำกว่าามาตรฐานอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ต่างจากเมื่อวานที่สูงถึง 0.8 PPM ทั้งนี้ตอนที่เกิดเหตุนั้นรัศมีของมลพิษนั้นแผ่ขยายไปถึง 10 กิโลเมตร แต่ในส่วนของวันนี้เหลือเพียงแค่ 200 - 300 เมตร รัศมีรอบโรงงาน สำหรับตอนนี้เหลือเพียงแค่กลิ่นเหม็นมาเป็นระยะเพียงเท่านั้น หากคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เช่น เด็กเล็ก และคนชรา สูดดมเข้าไปอาจจะเกิดจะเกิดอาการคลื่นไส้ และอาเจียน บางรายอาจจะมีอาการแสบ ตา จมูก ผิวหนัง แต่ก็ไม่อันตรายมากนัก ขณะเดียวกันทางสำนักงานเขตจอมทองก็ได้ตั้งศูนย์เยียวยาผู้ประสบภัยที่หน้าโรงงานดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.บางมด กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกพนักงานของโรงงานดังกล่าวมาสอบปากคำ ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า จุดเกิดเหตุกับจุดที่พนักงานทำงานนั้นเป็นคนละจุดกัน ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาทำการตรวยสอบก่อนเกิดจากสาเหตุใด อีกทั้งในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากพื้นที่ยังมีความร้อน ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดน้ำเลี้ยงไว้ จากนี้จะทำการนัดเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาอีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องขณะนี้ทราบชื่อเจ้าของโรงงานแล้วคือ นายสมศักดิ์ ธนโชติสิริกุล ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บจก.ไทยโพลีพลาสแพ็ค เบื้องต้นผู้บริหารมีการทำประกันอัคคีภัยไว้ในวงเงิน 220 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด จะเรียกเข้าให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ เหตุการณ์ไฟไหม้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปฏิคม เกิดสุข พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางมด รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงงานขนาดใหญ่ ชื่อบริษัท ไทยโพลีพลาสแพ็ค จำกัด เลขที่ 535 ซอยพระรามสอง 44 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8 , พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 , พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.บางมด, พ.ต.ท.ธวัชชัย ศรีสุรางค์ รอง ผกก.ป.สน.บางมด, พ.ต.ท.ธนกฤต บุญเจริญรอง ผกก.สส.สน.บางมด รถบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 30 คัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงชุดผจญเพลิง อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และทีมกู้ชีพ รพ.บางประกอก 9

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยพระรามสอง 44 เป็นโรงงานผลิตแก้วพลาสติกขนาดใหญ่สูง 3 ชั้น เนื้อที่กว้างประมาณ 15 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด พบแสงเพลิงและกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมา เพลิงกำลังลุกลามไปที่ตัวโรงงานที่ 2 และ 3 อย่างรวดเร็ว เหลือเพียงอาคาร 1 ซึ่งเปิดเป็นสำนักงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครระดมฉีดน้ำสกัดดเพลิง แต่ไม่เป็นผลเนื่องจาก โรงงานดังกล่าว มีการเก็บเมล็ดพลาสติกและแก้วพลาสติกกว่า 100,000 ลัง อีกทั้งยังมีน้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงโหมลุกต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จึงต้องระดมฉีดน้ำเพื่อให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด โดยใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ทั้งนี้ บริเวณใกล้เคียงรอบโรงงานดังกล่าวยังมีบ้านพักของประชาชนอยู่หลายหลังคาเรือน เจ้าหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอพยพออกจากจุดเกิดเหตุ พร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยเนื่องจาก บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุเริ่มมีสภาพอาการเป็นพิษ

จากการสอบถาม นายวีระศักดิ์ ปานมงคล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต กล่าวว่า โรงงานดังกล่าว มีทั้งหมด 3 อาคาร แต่ละอาคารมี 3 ชั้น เมื่อช่วงก่อนพักเที่ยงที่ผ่านมา ได้มีช่างทำการเชื่อมพื้นเพื่อต่อเติมบริเวณอาคารที่ 2 ก่อนจะเพลิงไหม้ดังกล่าว แต่โชคดีที่เป็นช่วงพักกลางวันพอดี ทำให้คนงานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ภายในตัวโรงงาน ส่วนสาเหตุที่เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วนั้นเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเร่งผลิตแก้วพลาสติก เพื่อให้ทันช่วงปีใหม่ มีออเดอร์จากลูกค้าจำนวนมาก รวมทั้งภายในอาคารยังมีเชื้อเพลิงทั้งเมล็ด พลาสติกที่ใช้ผลิตแก้วน้ำและถังสารเคมีที่ใช้ผลิตจำนวนมากด้วย

พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า เพลิงไม่ได้ลุกลามไปบ้านข้างเคียง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ทำการฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิงไว้ แต่โครงของโรงงานที่เก็บเม็ดพลาสติกและแก้ววพลาสติก ได้ทรุดตัวทำให้พลาสติกที่เป็นเชื้อเพลิงไหลลงมากองกันอยู่ตรงกลาง ร้อยละ 15 ของพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ กทม. ได้ตั้งโต๊ะให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุดังกล่าวมาลงชื่อไว้ เพื่อรับความช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้นำน้ำ อาหาร และหน้ากากอนามัย แจกจ่ายให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เบื้องต้นได้สั่งให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อสอบสวนพยานให้ที่เกิดเหตุ พร้อมประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเข้าตรวจสอบหลังเพลิงสงบลง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป