xs
xsm
sm
md
lg

ข้อมูลชัด 10 ล้าน/เดือน ส่วยป้ายโฆษณาใน บช.น. “ศรีวราห์” สั่งลุยฐานทุจริต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“ศรีวราห์” บอมบ์นาปาล์ม ระบุอดีต ผบช.น.2 นายร่วมรู้เห็น เผยความแตกเพราะได้เวลาจ่าย “หน้าเสื่อ” บริษัทโฆษณาสื่อข้างถนนใน บช.น. หอบเงินสดมาประเคนถึงห้องทำงานแต่พอสอบสาวราวเรื่องกลายเป็นเงินทุจริตถูกไล่ส่ง แถมด้วยขุดคุ้ย เตรียมปัดกวาดวงการตำรวจให้สะอาดเอี่ยม ขณะที่ตำรวจระดับ ผกก.โอดเจ้านายเล่นกันเองแต่ลูกน้องต้องเดือดร้อน เตรียมแฉโพยพูดความจริงทั้งหมด ก่อนเสนอรื้อป้ายเจ้าปัญหาเป็นอันดับแรก

หลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น.มีคำสั่งไปยัง รรท.ผบก.1-9 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสืบสวน ตามมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2557 กรณีผู้กำกับการสถานี (ผกก.สน.) คนปัจจุบัน และในอดีตมีพฤติการณ์ให้บริษัทเอกชนเข้ามาหาประโยชน์บนที่ราชพัสดุอันเข้าข่ายความผิดทุจริตประพฤติมิชอบนั้น มีรายงานว่า คณะทำงานของ รรท.ผบช.น.ได้มีข้อมูลจำนวนมากอยู่ในมือแล้วโดยบริษัทที่เกี่ยวข้องมีด้วยกัน 3 บริษัท แต่ครองพื้นที่ประกอบธุรกิจมากที่สุด 2 บริษัท ได้แก่บริษัทบางกอกไตรวิชั่น จำกัด หรือ Hollo Bangkok ของนายกิตติชัย ศรีจำเริญ และบริษัทแพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)

สำหรับบริษัทแรกคือ บริษัทบางกอกไตรวิชั่น นั้น มีอดีตนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะที่ปรึกษาด้วยกันหลายนาย แต่ที่ปรากฏเป็นชื่อในสารบบก็คือ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย นายตำรวจชื่อดังที่ผันมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวถือหุ้นบริษัทต่างๆ มากมาย และที่อื้อฉาวเป็นข่าวใหญ่เมื่อ พ.ศ.2552 ถูกตำรวจกองปราบปราม บุกค้นบ้านเนื่องจากมีส่วนพัวพันคดีฉ้อโกงจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจไทเกอร์ 19,147 คัน มูลค่า 1,144 ล้านบาท กับอดีตนายตำรวจอีกคนหนึ่งคือ พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ อย่างไรก็ตาม มีเพียงการกล่าวถึงในเรื่องช่วยประสาน หรือแนะนำเท่านั้น ยังไม่พบว่าใช้อำนาจหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้สินบนใดๆ

ส่วนบริษัทแพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) นั้น รายงานแจ้งว่า ตำรวจส่วนใหญ่ทราบกันดีว่าบุคคลระดับบริหารของบริษัทฯ ชื่อเล่น “เสี่ยบี” มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เป็นอย่างดี และ ผกก.ทุกสถานีในพื้นที่ตำรวจนครบาลหากมีตัวแทนจากบริษัทแพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) เข้ามาติดต่อก็มักจะพูดต่อๆ ไปว่า เป็นบริษัทของท่าน ผบ.ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องอย่างไรไม่ทราบมากไปกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผลการสอบสวนในเชิงลึกปรากฏชัดเจนว่า มีการกระทำความผิดจริงโดยมีอดีต ผบช.น. 2 คนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งที่ตามกฎหมายแล้วการทำสัญญาใดๆ กับบริษัทเอกชนก็ตามจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น แต่ตำแหน่ง ผบช.น.หรือ ผกก.หรือสารวัตร ตามโรงพักมิได้เป็นนิติบุคคลตามข้อกฎหมายกำหนด จึงไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้ ที่ผ่านมา จึงถือว่าได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว และเมื่อคณะทำงานของ รรท.ผบช.น.สืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จอาจจะเสนอต่อไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อพิจารณาโทษทัณฑ์ หรืออาจจะส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นได้มีตัวแทนบริษัทสื่อโฆษณาข้างถนนนำเงินสด จำนวน 4 ล้านบาท ขึ้นไปมอบให้แก่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น.ถึงห้องทำงาน เมื่อสอบถามถึงความเป็นมาจึงทราบจากบุคคลดังกล่าวว่า เป็นค่าโฆษณาจอแอลอีดีที่ติดตั้งทั่ว กทม.และก่อนหน้าก็เคยจ่ายเงินสดในลักษณะนี้แก่อดีต ผบช.น.มาแล้ว 2 คน เมื่อทราบดังนั้น รรท.ผบช.น.จึงคืนเงินกลับไปพร้อมอธิบายว่า ทั้งบริษัทฯ กับตำรวจที่ร่วมรับผลประโยชน์กันกำลังทำผิดกฎหมาย ต่อจากนี้ไม่ต้องนำเงินมาให้แก่ใครอีก และจะต้องปฏิบัติให้ถูกกฎระเบียบของราชการจนเป็นเรื่องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว

สำหรับส่วยป้ายโฆษณา จำนวน 4 ล้านบาทนั้น มีรายงานว่า หากรวมทั้งหมดจะอยู่ราว 10 ล้านบาท ที่ผ่านมา ผบช.น.ในอดีตจะผลักเข้ากองทุนสวัสดิการข้าราชการตำรวจนครบาล หรือที่เรียกกันว่า กองทุนนครบาล เดือนละ 5-6 แสนบาท ซึ่งยังมีส่วนต่างอยู่มาก และไม่ทราบว่าส่วนต่างดังกล่าวอยู่ที่กระเป๋าใคร เรื่องนี้จึงกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งประเด็นอมเงินสวัสดิการลูกน้อง ไปจนถึงศึกช้างระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดยหลายฝ่ายวางตัวไม่ถูกเพราะล้วนแต่เป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ทั้งสิ้น

ต่อเรื่องนี้ นายตำรวจระดับ ผกก.แห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้วแค่เพียงเอาตัวรอดอย่างเดียวโดยจะประคองตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนปัญหาเรื่องป้ายโฆษณาแอลอีดีนั้นเท่าที่พูดคุยปรับทุกข์กับเพื่อนตำรวจกันต่างสรุปว่า “ผู้ใหญ่เล่นกันเอง” แต่ผู้น้อยต้องมาแบกรับเกมที่เกิดขึ้นแต่พวกตนก็จะพูดความจริง ใครติดต่อมาบ้างให้อะไรกับโรงพักบ้างเราสามารถชี้แจงได้

มีรายงานด้วยว่า นอกจากการปรับทุกข์ของบรรดา ผกก. รอง ผกก.ตลอดจนระดับสารวัตรที่เข้าข่ายต้องถูกสอบสวนข้อเท็จจริงต่างพากันวิตกว่าจะมีความบกพร่องส่งผลให้เสียสิทธิในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนี้หรือไม่เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม หาก รรท.ผบช.น.มีความบริสุทธิ์ใจ มีความจริงใจแก้ปัญหาก็อยากให้มีคำสั่งรื้อถอนป้ายโฆณาดังกล่าวทั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้เลย รวมทั้งรถโฆษณาเคลื่อนที่หากพบว่าไปจอดที่ไหนก็จับมาปรับทุกวันๆ ทำอย่างจริงจังจนกว่าจะหาข้อสรุปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น