ปอศ.จับแก๊งสกิมเมอร์สัญชาติจีน 4 รายคาโรงแรมย่านเยาวราช หลังได้รับการประสานจากแบงก์กสิกรไทยว่ามีคนร้ายตระเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนเป็นงินสดร้อยละ 10 จากขบวนการใหญ่อยู่ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีน
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล รรท.ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.ท.จักรกริช เสริบุตร รอง ผกก.5 บก.ปอศ. และพ.ต.ต.ชยานนท์ ทองแถม สว.กก 5.บก.ปอศ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 1. นายจง เซี่ยวผิง (Mr. Zhong xiaoping) อายุ 46 ปี 2. นายหยาง ไห่ฉาง ( Mr. Yang haichang) อายุ 37 ปี 3. น.ส.หวง จือหง (Ms.Huang zhihong) อายุ 29 ปี และ 4. นายหลิว กังโจว (Mr.Lui ganzhou) อายุ 38 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีน พร้อมของกลาง บัตรเอทีเอ็มปลอม 65 ใบ กระดาษจดบันทึกและจดรหัสถอนเงินของบัตรต่างๆ 17 แผ่น สมุดจดรหัสบัตรฯ 1 เล่ม เครื่องอ่านคัดลอกและบันทึกข้อมูลบัตรฯ(เครื่องสกิมเมอร์) 1 ชุด โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง อุปกรณ์ติดตั้งกล้องขนาดเล็กพร้อมวงจรไฟฟ้า 2 ชุด และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนเยาวราช แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ธงชัยกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทยว่ามีกลุ่มชาวจีนใช้บัตรเอทีเอ็มปลอม ตระเวนถอนเงินสดจากตู้กดเงินในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มปลอมที่คนร้ายนำไปกดนั้น เป็นข้อมูลบัตรของธนาคารในประเทศอเมริกา คูเวต บาห์เรน อินเดีย ออสเตรเลีย ดูไบ ยุโรป ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่นำเครื่องคัดลอกข้อมูล (สกิมเมอร์)ไปติดตามตู้ถอนเงินในประเทศไทย ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมเพื่อขยายผลกระทั่งทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว หนีไปกบดานอยู่ในย่านเยาวราช จึงเฝ้าติดตามกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 4 ราย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำการดังกล่าวจริง โดยจะนำบัตรเอทีเอ็มปลอมซึ่งรับมาจากนายจีจา ชาวจีน ไปผลัดกันตระเวนกดเงินตามตู้กดเงินในพื้นที่กรุงเทพฯ จริง หากดำเนินการสำเร็จจะได้ค่าตอบแทนเป็นงินสด ร้อยละ 10 ของเงินที่สามารถกดมาได้ โดยจะมีหัวหน้าขบวนการใหญ่อยู่ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีนเป็นผู้คอยสั่งการอีกทอดหนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีหัวหน้าขบวนการใหญ่อยู่ในประเทศจีน เนื่องจากหลักฐานที่พบมีทั้งบัตรเอทีเอ็มปลอม เครื่องคัดลอกข้อมูล (เครื่องสกิมเมอร์) และยังพบว่ามีอุปกรณ์ติดตั้งกล้องขนาดเล็กพร้อมต่อวงจรไฟฟ้าอีกด้วย ถือว่าครบทั้งกระบวนการในการลักลอบกดเงินจากตู้เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่กดได้มาแบ่งกันเองไม่ได้ส่งต่อให้หัวหน้าใหญ่ตามที่อ้าง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีการนำเครื่องสกิมเมอร์ไปติดตั้งที่ใด หรือมีบุคคลใดเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมโดยมิชอบ, ร่วมกันปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และร่วมกันทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรินิกส์ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.เพื่อดำเนินคดีต่อไป