สำหรับตำรวจนอกหน่วยที่มีรายชื่ออยู่ในโพยส่วยน้ำกามด้วยนั้นระบุชัดเจนว่ามาจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ซึ่งยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ข่าวแจ้งว่าตำรวจนครบาลจำนวนหนึ่งกำลังจับตาการตัดสินใจของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ว่าจะลงมาจัดการอะไรหรือไม่
จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจค้นสถานบันเทิง ไรเดอร์ รีสอร์ท และ คุ้มพระราม ซอยศรีนครินทร์ 49 เขตประเวศ เมื่อกลางดึกวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมาโดยพบว่า ข้างในเป็นสถานบันเทิงห้องอาหารขนาดใหญ่ และใกล้ๆ กันยังเปิดเป็นสถานบริการอาบ อบ นวด โดยพบหญิงสาวชาวไทย และต่างด้าวรวม 12 คน จากการตรวจสอบ พบ ยาบ้า 6 เม็ด ไอซ์พร้อมอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด และกัญชา 5 ห่อเล็ก และพบบัญชีรายจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางแห่ง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 3 พ.ย. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมรกุล รรท.ผบช.น. ได้มีหนังสือเลขที่ 672/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย. เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ กรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าร่วมตรวจค้นสถานบันเทิงและสถานบริการ ‘ร้านไรเดอร์ รีสอร์ท และร้านคุ้มพระราม’ ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ประเวศ โดยได้มีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 8 คน พร้อมของกลาง ในความผิดต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติด บุคคลต่างด้าว การค้าประเวณี สถานบริการ และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบโดยการเป็นธุระจัดหาให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณีอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอบายมุขเป้าหมายตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 234/2548 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2548 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการดังต่อไปนี้
พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เผด็จ ภู่บุบผากาญจน รอง ผกก.ปป.สน.ประเวศ และ พ.ต.ท.บวร เพ็งสุข รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ โดยให้ทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
รายงานแจ้งว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มตำรวจทั่วไปโดยเฉพาะในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่าตำรวจส่วนใหญ่เริ่มจะทนกันไม่ไหว เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้สนองนโยบายของรัฐบาล และ คสช. อย่างเต็มที่แต่พอมีเรื่องแบบนี้คนที่ซวย ก็คือ ตำรวจท้องที่ ส่วนตำรวจนอกหน่วยกลับไม่มีใครพูดถึงเผลอๆ อาจจะเงียบหายไปเหมือนกับทุกครั้ง “ตำรวจท้องที่เหมือนกระสอบทราย ถ้าใจอ่อนไปรับประโยชน์ พอเกิดเรื่องก็โดนเตะต่อยสะบักสะบอม บางรายอาจเสียอนาคต ยิ่งช่วงนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งโยกย้ายก็ต้องระวังเป็นพิเศษแต่ก็อาจจะรอดตาไปบ้าง งานเราก็ทำกันเต็มที่ แม้ไม่มีเงินนอกระบบมาจุนเจือ แต่อย่าบีบกันเกินไป อย่าถึงกับให้พวกเราถอดใจต้องเข้าเกียร์ว่าง เพราะทำอย่างนั้นสังคมจะยิ่งแย่กันไปใหญ่ อยากให้ผู้บังคับบัญชาเข้าใจลูกน้องบ้าง ไม่มีใครเอาเงินเดือนตัวเองไปจ่ายเป็นค่าน้ำมันหลวง หรือทำคดีต่างๆแน่เพราะที่เรามีอยู่ก็แทบเลี้ยงดูลูกเมียไม่ได้แล้ว”
สำหรับตำรวจนอกหน่วยที่มีรายชื่ออยู่ในโพยส่วยน้ำกามด้วยนั้นระบุชัดเจนว่ามาจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ซึ่งยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ข่าวแจ้งว่าตำรวจนครบาลจำนวนหนึ่งกำลังจับตาการตัดสินใจของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ว่าจะลงมาจัดการอะไรหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ให้นโยบายไว้อย่างชัดเจนในเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ และบริหารจัดการให้ตำรวจดำรงชีพอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นที่รักของประชาชน
ดังนั้น หากไม่ปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในมาตรฐานเดียวกัน ก็อาจจะถึงขั้นล้มเหลวไม่สามารถนำนโยบาย 8 ข้อไปปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพราะตำรวจ”นอกหน่วย”ขึ้นชื่อในการรีดไถแถมยังมีพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นหน้างานที่ “รับชอบ” มากกว่า “รับผิด” พอมีเรื่องมักจะลอยตัวพ้นผิดไปได้ทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้คงไม่จบง่ายๆ เพราะยังคงมีสถานบริการประเภทเดียวกันกับ “คุ้มพระราม” อีกหลายแห่งและเป็นที่ทราบกันดีว่าสถานบริการผิดกฎหมายเหล่านี้มีบรรดาคนมีสีเข้าไปเอี่ยวด้วย เช่น ย่านปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี ย่านเหม่งจ๋าย พระราม 9 ย่านรัชดาฯ ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เป็นต้นโดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ทหารใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกบุกเข้าตรวจค้นทำให้สถานบริการเหล่านี้เพิ่มความเข้มงวดเปิด - ปิดตรงเวลา และมีการกำชับให้พนักงานถือบัตรประชาชนทุกคนห้ามมีต่างด้าวอีกทั้งอายุต้อง 20 ปีขึ้นไปส่วนการค้าประเวณีขอให้เลือกลูกค้าด้วย
หากทหารมีความตั้งใจจริงที่จะจัดระเบียบสังคมก็ควรดำเนินการต่อสถานบริการแอบแฝงที่มีอยู่ดื่นดาษ กระจายอยู่ 47 สถานีตำรวจนครบาล อย่างทั่วถึง เช่นนั้นอาจจะถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือเลือกปฏิบัติได้