รรท.ผบช.น.ลงดาบ ผกก.-รอง ผกก. 3 เสือ สน.ประเวศ ช่วยราชการ ศปกน. พร้อมตั้งคณะกรรมสอบสวนเอาผิดทางวินัย รองผกก.บก.น.4 ตำรวจยศสัญญาบัตรและชั้นประทวน สน.ประเวศ รวม 23 นาย หลังทหารบุกทลาย “ไรเดอร์ผับ” ทั้งมั่วสุมยาเสพติดและค้าประเวณีด้าน “โฆษกตร.” เร่งสอบโพยรายชื่อตำรวจรับส่วย
จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมรกุล รรท.ผบช.น. ได้มีหนังสือเลขที่ 672/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย. เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เป็น เวลา 30 วัน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศกิจ เข้าตรวจค้นร้านไรเดอร์รีสอร์ท และคุ้มพระราม สถานบันเทิงและสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ประเวศ ได้ผู้ต้องหา 8 คน และของกลางต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติด บุคคลต่างด้าว บริการค้าประเวณี สถานบริการ และการแสวงหาผลประโชยน์โดยมิชอบ ในการเป็นธุระจัดหาเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณี อันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ระบุให้ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.เผด็จ ภู่บุบผากาญจน รอง ผกก.ปป.สน.ประเวศ และ พ.ต.ท.บวร เพ็งสุข รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เป็นเวลา 30 วัน
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น. ได้มีหนังสือคำสั่งเลขที่ 673/2557 ลงวันที่ 2 พ.ย. 57 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตั้งแต่ระดับ รอง ผกก.บก.น.4 ตำรวจยศสัญญาบัตรและชั้นประทวน สน.ประเวศ จำนวน 23 นาย โดยให้ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. เป็นประธานการสอบสวน พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.อก.บช.น.เป็นกรรมการ พ.ต.อ.อิสระ ณ พัทลุง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บางชัน เป็นกรรมการ ร.ต.อ.ธวัชชัย มานันตพงศ์ พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เป็นเลขาณุการ ร.ต.อ.หญิง ปุณณิษา ชัยพลเดช พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสืบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
หากคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนจ้อเท็จจริง พาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วม หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องสืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ล่าสุดได้ประสานทหารขอหลักฐานบัญชีดังกล่าวแล้ว โดยทางพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการสั่งการให้ผกก.และรองผกก.ฝ่ายป้องกันปราบปราม รองผกก.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เข้ามาช่วยกันที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) เป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากปล่อยให้ในพื้นที่มีการเปิดสถานบริการที่มีการลักลอบค้าประเวณี และเป็นการย้ายเพื่อเปิดทางให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากพบเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่จริงก็จะลงโทษเด็ดขาดทั้งทางวินัยและอาญา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นในขณะนี้กำลังตรวจสอบรายชื่อที่อยู่ในโพยว่ามีหน่วยไหนบ้าง และหลังจากนั้นคงต้องมาวิเคราะห์ว่ามีหน่วยงานในสังกัดที่นอกเหนือจากบช.น.ก็คงต้องเสนอมาทางตร.เพื่อตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในภาพรวม โดยจากการตรวจสอบก็พบมีหน่วยงานที่สังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) และสันติบาล ซึ่งอันนี้เป็นเพียงตัวอักษรที่เขียนในเอกสารที่พบ คงต้องมีการตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร และมีใครเป็นผู้จัดทำเอกสารนี้ มีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งจะสอบสวนเกี่ยวกับตำรวจที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในบัญชี โดยทราบว่าตำรวจ 2 นายเคยสังกัดนครบาล แต่ได้ย้ายไปนอกหน่วยนานแล้ว ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ทุกกรณี หากพบจะถูกลงโทษทั้งวินัยและอาญาเช่นกัน