ทหารฉีกหน้าตำรวจไม่เหลือชิ้นดี เปิดบัญชีส่วยน้ำกามรับกันถ้วนหน้าทั้งนครบาล ยันกองปราบฯ แฉเดินสายเก็บทั่วประเทศส่งบำเรอเจ้านาย คาดสะพัดเดือนละไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน
ปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมของเจ้าหน้าที่ทหารด้วยการจับกุม ตรวจค้นแหล่งอบายมุขและความผิดทุกชนิดที่ถูกปล่อยปละละเลยมานาน ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ทั้งในส่วนของการบุกรุกยึดครองทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน การจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซด์ รถตู้ หาบเร่แผงลอย การกวดขันบริษัทเงินกู้นอกระบบและบ่อนพนัน ตู้ม้า สถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ กระทั่งอาบ อบ นวดที่มักมีการค้าประเวณีมั่วสุมเสพยาเสพติดแอบแฝงมาด้วย
การจัดระเบียบของทหารโดยอาศัยประกาศกฎอัยการศึก จึงเป็นที่หวาดผวาของบรรดาเจ้าของธุรกิจสีเทาไปด้วยเพราะทราบกันดีว่ากิจการเหล่านี้จะไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากไม่มีตำรวจผู้รักษากติกา รักษากฎหมายให้ความร่วมมือด้วย ดังนั้นในห้วง5-6 เดือนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลทหาร ภายใต้กฏอัยการศึกกลุ่มบุคคลที่เกรงกลัวกฏอัยการศึกและได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นผู้ประกอบการดังกล่าวรวมทั้งตำรวจทั่วประเทศที่ยังแอบรู้เห็นเป็นใจกับของต้องห้าม ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดมีทหารเข้าตรวจค้น-จับกุมในช่วงนี้แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบกับอนาคตทางราชการ ขั้นเบาอาจถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ขั้นต่อมาคือการย้ายให้ไปช่วยราชการและขั้นสุดท้ายคือย้ายออกนอกหน่วยจนถึงถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา
ล่าสุดกลางดึกวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมากำลังทหารผสมเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตประเวศ จำนวน 50 นายนำโดยพ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ รองผบ.ม.1 รอ.อาศัยอำนาจตามประกาศกฏอัยการศึก บุกเข้าตรวจค้นสถานบริการ “คุ้มพระราม” หรือ“ไรเดอร์ รีสอร์ท” ตั้งอยู่ซอยศรีนครินทร์ 49 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติด และเปิดบริการเกินเวลา จากการเข้าตรวจค้นพบว่าสถานบริการดังกล่าวเปิดครบวงจร มีทั้งอาบ อบ นวด คาราโอเกะโดยมีหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้าน 12 คนรับว่าให้บริการทางเพศแก่นักเที่ยวที่มาใช้บริการด้วย เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดยาบ้า 6 เม็ด กัญชา 5 ห่อ อุปกรณ์เสพยาไอซ์ 1 ชุดกับถุงยางอนามัยจำนวนมากจึงประสานไปยัง สน.ประเวศ ดำเนินคดีในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นธุรจัดหาหญิงค้าประเวณี ให้ที่พักคนต่างด้าว มียาเสพติดไว้ในครอบครอง และต่อเติมอาคารผิดแบบ
รายงานแจ้งว่าการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ฝ่ายทหารยังยึดเอกสารต่างๆไว้จำนวนหนึ่งเช่นบัญชีการทำประตู หรือขึ้นห้องค้าประเวณีของพนักงาน
และที่สำคัญคือตารางบัญชีรายจ่ายตำรวจหน่วยต่างๆที่ลงรายชื่อ จำนวนเงินส่วน เบอร์โทรศัพท์ติดต่ออย่างชัดเจนเช่นดาบณัฐพัฒน์ สน.ประเวศ 1 หมื่นบาทจ่ายเป็นรายเดือน ดาบยะ ปราบปรามประเวศ 2 พันบาท ดาบสุพิต ดาบไพจิตร ปราบปรามประเวศ 5 พันบาท ดาบวิน จ่าแอ๊ด บชก.สืบสวน 1 พันบาท พรายพรรณ ลำเจียก กองปราบ 2 พัน ดาบซั่ม 191 -3 พัน ผู้กองเบิร์ด ดาบต๋อย กองปราบ 2 พัน เป็นต้น
สำหรับรายชื่อบัญชีส่วยเหล่านี้มิได้มีเพียงราย สน.ประเวศ เท่านั้นแต่เป็นเรื่องปกติของบรรดาสถานบริการทุกแห่งที่จำเป็นต้องส่งส่วยแก่ตำรวจในทุกหน่วยงานเริ่มจาก สถานีท้องที่ ก่อนขยับไปยังกองสืบต่างๆเช่นสืบโรงพัก สืบกองบังคับการ 191 กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) เหล่านี่เรียกว่าเคลียร์วงใน ส่วนวงนอกหรือ “รอบนอก”ได้แก่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือหน่วยเฉพาะกิจต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นต้น
โดยส่วยดังกล่าวแม้จะดูไม่มากนักแต่การเดินเก็บไปทั่วไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดต่างๆรวมทั้งพื้นที่ท่องเที่ยวเช่นเชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต หาดใหญ่ ในเดือนหนึ่งๆมีส่วยสถานบริการ ส่วนจากการค้าประเวณีและอาจจะรวมถึงขบวนการยาเสพติดที่มักแฝงตัวมากับสถานบริการเหล่านี้
คาดว่ามีเม็ดเงินต่อเดือนกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป