ศาลสั่งจำคุก 83 ปี สาวเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ย่านรามคำแแหง 103 แอบใช้บัตรเครดิตลูกค้าทำรายการผ่านเครื่องอนุมัติวงเงินของแบงก์ไทยพาณิชย์ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 82 ล้าน
ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ต.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษา คดีฉ้อโกงทรัพย์ หมายเลขดำ อ.925/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ณัฐณิชา เต่าจันทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/35 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 7-24 ก.พ. 2557 จำเลยซึ่งประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ซอยรามคำแหง 103 กทม. กับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิต) ของลูกค้าที่ใช้ชำระค่าบริการ มาทำรายการผ่านเครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหาย แล้วปลอมลายมือชื่อและรหัสอนุมัติวงเงินอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบในขณะที่เครื่องออนไลน์ (ONLINE) เพื่อให้ผ่านขั้นตอนต่างๆ ในการขออนุมัติวงเงินหลายครั้งหลายหน และเรียกเก็บเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ในแต่ละวัน ซึ่งเครื่องจะประมวลผลและเรียกเก็บเงินจากธนาคารฯ ในวันถัดไปแล้วจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝาก ธนาคารไทยพาณิชย์ของจำเลยโดยทุจริต รวม 83 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 82,990,102 บาท ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามติดตามจับกุมจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ให้จำคุกฐาน ใช้เอกสารสิทธิปลอมของผู้อื่นโดยผิดกฎหมายอันเป็นบทหนักสุด จำนวน 83 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 166 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 83 ปี อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้จำคุกจำเลยสูงสุดได้ 20 ปี และให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 82,990,102 บาท แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ผู้เสียหายด้วย
