ทนายชายชุดดำร้องดีเอสไอ ขอความเป็นธรรม อ้างถูกบังคับให้รับสารภาพคดี 10 เม.ย. 53 ขอให้สอบสวนใหม่ ยันมีหลักฐานและข้อเท็จจริง พิสูจน์ความบริสุทธิ์
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ยื่นหนังสือถึงนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ ร้องขอความเป็นธรรมจากการดำเนินคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีชายชุดดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 รายระบุว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ โดยมี พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษรับเรื่อง
นายวิญญัติกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กนส.เคยไปยื่นขอความเป็นธรรมที่สำนักงานอัยการสูงสุด ทราบว่าสำนวนการสอบสวนคดีถูกโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ต่อมาผู้ต้องหาทั้ง 5 คนที่ถูกกล่าวหา เห็นว่าการสอบสวนที่ผ่านมาโดยหน่วยงานหนึ่งนั้น ไม่ได้รับความเป็นธรรม และคับข้องใจในชั้นสอบสวน จึงร้องเรียนมาว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ ตนจึงมาที่ดีเอสไอเพื่อขอความเป็นธรรม โดยขอให้มีการสอบสวนใหม่ ทั้งนี้อยู่ที่ดุลพินิจของกรมว่าเห็นด้วยหรือไม่
สำหรับเหตุผลที่ร้องขอให้สอบสวนใหม่เพราะ 1. เห็นว่ากองปราบปรามไม่มีอำนาจในการสอบสวน เนื่องจากมติคณะกรรมการคดีพิเศษเมื่อปี 2553 ให้ดีเอสไอเป็นผู้มีอำนาจในการสอบสวน คดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 และ 2. บังคับผู้ต้องหาให้รับสารภาพ ซึ่งผู้ต้องหาที่ร้องเรียนมา ระบุว่ามีการทรมานทางร่างกายเป็นบางคน สำหรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น จะดูว่าดีเอสไอตั้งประเด็นในการสอบสวนและข้อหาอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในฐานะทนายความก็มีหลักฐานและข้อเท็จจริงที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย
พ.ต.ต.วรนันท์กล่าวว่า นายวิญญัติยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกรณีผู้ต้องหาคดีชายชุดดำ โดยกล่าวหาว่าบางขั้นตอนขัดต่อกฎหมาย และมีประเด็นเกี่ยวกับการสอบสวน ที่อ้างว่าใช้กำลังประทุษร้าย หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับคดีไว้ แต่ต่อมาทางอัยการสูงสุดได้ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ ระบุว่าเป็นคดีตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยตนรับเรื่องไว้ จากนั้นศูนย์บริหารคดีพิเศษ จะพิจารณาตรวจสอบว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานใด และจะรีบนำเสนออธิบดีดีเอสไอ เพื่อจ่ายเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนที่อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายจะตรวจสอบได้หรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนจะไปพิจารณาดูเนื้อหาก่อนว่าประเด็นอะไรที่เกี่ยวข้อง แล้วจะตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง เพราะว่าการสอบสวนจะต้องตรวจสอบทั้งความผิดและความบริสุทธิ์
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี นายปรีชา อยู่เย็น นายรณฤทธิ์ สริชา นายชำนาญ ถาคีฉาย และนายปุณิกา หรืออร ชูศรีฃ