ตำรวจบางเสาธง หิ้วสองผัวเมียฆ่าหั่นศพครูญี่ปุ่นฝากขังศาลอาญา พร้อมค้านประกันตัว ระบุเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ก่อนคุมตัวเข้าเรือนจำต่อไป
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (25 ต.ค.) พ.ต.ท.สุศรันย์ ศรีบุญเจริญชัย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.บางเสาธง ควบคุมตัวนายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2026/8 หมู่ 15 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ และนางพรชนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201/237 หมู่ 7 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า นายโยชิโนริ ชิมาโต อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่น เสียชีวิต ไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอฝากขังครั้งผัดแรกตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.-5 พ.ย.57 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2557 นางพรชนก ได้พานายโยชิโนริ ผู้เสียชีวิตที่มีอาการป่วยไปรักษาที่ รพ.บางนา 2 เมื่อแพทย์จะรับตัวผู้ตายไว้ทำการรักษา แต่นางพรชนกขอพาผู้ตายออกจาก รพ. ต่อมา วันที่ 14 ต.ค.นายเท็ตซูโอ ชิมาโต บุตรชายผู้ตายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ว่า บิดาหายตัวไป โดยที่ห้องพักที่ศรีวราแมนชั่น แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. มีลักษณะพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบว่า นางพรชนก นำไปกดถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ รวม 14 ครั้ง เป็นเงิน 720,000 บาท จึงจับกุมนางพรชนก พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต่อมา นางพรชนก ได้รับการประกันตัว และหลบหนีไปพร้อมกับนายสมชาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่าในคดีนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับญี่ปุ่น จึงใช้อำนาจตามกอัยการศึกเชิญ นายสมชาย และนางพรชนก มาซักถามอีกครั้งปรากฏว่า นายสมชาย รับสารภาพว่าฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริ ที่บ้านพักของนางพรชนก จากนั้นได้ร่วมกับนางพรชนก นำชิ้นส่วนศพไปทิ้งที่คลองบางนางทิ้ม หมู่ 7 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และได้นำสมุดบันทึก บัตรเครดิต 5-6 ใบ คีย์การ์ดที่พัก นามบัตร ไปเผาทิ้ง และนำเงินสด จำนวน 3,000 บาท ของผู้เสียชีวิตไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบจุดที่ทิ้งศพ พบชิ้นส่วนศพ นายโยชิโนริ ถูกชำแหละแยกบรรจุอยู่ในถุง 4 ถุง รวมถึงฟันปลอม ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ดีเอ็นเอของศพดังกล่าวตรงกับดีเอ็นเอของนายเท็ตซูโอ บุตรชายผู้ตาย พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ และจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุการตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้น ในการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี ร่วมกันทำให้เสียหายทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ เอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ในชั้นสอบสวน นางพรชนก ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนนายสมชาย ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งเกรงว่าหากได้รับการปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังขอรับตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาควบคุมไว้ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ 7 วัน เพื่อขยายผล และรวบรวมหลักฐานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ต่อมา ศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ส่วนที่ผู้ร้องขอรับตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลับไปควบคุมไว้ตามคำร้องฝากขัง นายสมชาย ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพ และได้มีการเก็บพยานหลักฐานในคดีนี้ไว้บางส่วนจนผู้ร้องสามารถสอบสวนขยายผลได้โดยไม่ปรากฏเหตุจำเป็นที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้อีกให้ยกคำร้องในส่วนนี้
ภายหลัง พ.ต.อ. สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนหมดอำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก พร้อมขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เป็นที่สนใจต่อสื่อมวลชนและประชาชน โดยก่อนหน้านี้ นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจสภาพร่างกายที่ รพ.บางบ่อ ผลการตรวจแพทย์ระบุว่า สภาพร่างกายและจิตใจปกติดีไม่มีความความเครียด แต่ สภ.บางเสาธง จัดเจ้าหน้าที่เสริมพูดคุยกับผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยันยืนยันเหตุจูงใจในการฆ่าเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ ขณะที่นางพรชนก ยังคงรับสารภาพว่ารู้เห็นเหตุการณ์แต่ยังไม่ยอมรับว่าร่วมลงมือฆ่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่มีญาติ หรือทนายความของผู้ต้องหาทั้งสองมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายสมชาย ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนางพรชนก ถูกแยกไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน