รรท. รอง ผบ.ตร. นำตัว 2 ผู้ต้องหาคดีฆ่าครูญี่ปุ่นส่ง สภ.บางเสาธง แล้ว - ลูกสาวแฟนเก่าชาวญี่ปุ่นร้องรื้อคดีพ่อหลังไม่เชื่อว่าเป็นโรคหัวใจ และเมาตกบันไดเสียชีวิต เมื่อปี 46 เผยผู้ต้องหาได้พาบิดาไปทำประกันชีวิตก่อนตาย 2 สัปดาห์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (23 ต.ค.) ที่ สภ.บางเสาธง พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท. รอง ผบ.ตร. นำตัว นางพรชนก ไชยะปะ และ นายสมชาย แก้วบางยาง 2 ผู้ต้องหาในคดีฆ่า นายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี อาจารย์ชาวญี่ปุ่น มาส่งมอบที่ สภ.บางเสาธง เนื่องจากเป็นท้องที่ที่ นายสมชาย ให้การรับสารภาพว่า หั่นศพ นายโยชิโนริ ที่ ม.ออร์คิดวิลล่า ม.7 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะนำแยกชิ้นส่วนใส่ถุง 4 ถุง ไปทิ้งที่คลองนางทิ้ม ซอยนวมินทร์ 16
โดยมี พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจิรญ พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก. พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง รอรับตัว และมีสื่อมวลชนทั้งไทยและญี่ปุ่นมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ นางพรชนก และ นายสมชาย เดินลงจากรถก็ก้มหน้าตลอดเวลา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันนักข่าวออกเพื่อนำตัวทั้ง 2 คนเข้าห้องขังโดยมีตำรวจหญิงคอยดูแลนางพรชนกอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท. รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาส่งมอบให้กับ สภ.บางเสาธง ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้พนักงานสอบสวนของ สภ.บางเสาธง ได้สอบปากคำทั้ง 2 คนก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ นางพรชนก ยังคงให้การปฏิเสธ มีเพียง นายสมชาย ซึ่งเป็นสามี ที่ให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นคนหั่นศพนายโยชิโนริ ที่ ม.ออร์คิดวิลล่า ม.7 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะนำแยกชิ้นส่วนใส่ถุง 4 ถุง ไปทิ้งที่คลองนางทิ้ม ซอยนวมินทร์ 16
อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้ตำรวจดูแลผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีอาการเครียด รวมไปถึงได้จัดกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน(คฝ.) มาคอยดูแลความปลอดภัยบริเวณโดยรอบห้องขังด้วย
สำหรับการสอบสวนคดีนั้น จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสืบสวนนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากเป็นเหตุต่อเนื่องในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง โดยจะทำการสอบสวนให้ครบทุกด้านทั้งการสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง ยังไม่ได้มีการสอบสวนเลยตั้งแต่นายสมชายให้การรับสารภาพ, พยานบุคคล, วัตถุที่เก็บมาจากบ้านนางพรชนก รวมถึงดีเอ็นเอ ที่ได้มา เพื่อให้ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงถึงกัน ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้
รรท. รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนคดีของนายคาซิโตซิ ทานากะ สามีคนที่ 2 ของนางพรชนก ที่ตกบันไดเสียชีวิตเมื่อปี 2546 นั้น คงต้องย้อนกลับไปดูสำนวน และอาจจะต้องมีการสอบสวนกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในด้านการสืบสวน วันนี้ทางตำรวจสืบสวนชุดคลี่คลายคดี ได้ปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุด รพ.บางนา 2 - บ้านของนางพรชนก ใน ม.ออร์คิดวิลล่า จนถึงจุดที่นำศพไปทิ้งคลอง รวม 50 จุด เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงในการเอาผิดผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อีกทั้งยังมีรายงานว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอจากชิ้นเนื้อศพที่พบในคลอง ยืนยันว่าเป็นนายโยชิโนริจริง
นอกจากนี้ นางเคกโกะ มัตตา อายุ 31 ปี บุตรสาวชาวไทยของ นายคาซิโตซิ ทานากะ สามีคนที่ 2 ของนางพรชนก ได้เดินทางมาที่ สภ.บางเสาธง ด้วย พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเห็นข่าว นางพรชนก ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าชาวญี่ปุ่น จึงเดินทางมา เพื่อต้องการพบเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รื้อฟื้นคดีของบิดา ที่เสียชีวิตจากการตกบันไดเมื่อปี 2546 ด้วย เพราะตนเองและบุตรชายหญิงรวม 6 คน ยังติดใจการเสียชีวิตของบิดา เนื่องจากทราบว่าบิดาไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน และไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์จนเมา โดยบิดาได้โทร. มาบอกว่า นางพรชนก ได้พาไปทำประกันชีวิตมาโดยบุตรจะได้รับคนละ 1 ล้านบาท หากบิดาเสียชีวิต จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ นางพรชนก ได้โทร. มาบอกว่า บิดาเป็นโรคหัวใจ และเมาจนตกบันไดและเสียชีวิต รวมทั้งยังนำเอกสารที่เป็นภาษาญี่ปุ่นมาให้เซ็น โดยที่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร ก่อนที่นางพรชนกจะรีบจัดงานศพ และเผาทันที ตอนนั้นถึงแม้จะติดใจในพฤติกรรมของนางพรชนกแต่ด้วยความที่ตนเองเพิ่งจะอายุ 20 ปี จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และหลังจากนั้นตนได้โทร. ไปเช็กกับบริษัทประกันที่บิดาทำไว้ ก็ทราบว่าได้มีการเบิกเงินออกมาหมดแล้วโดย นางพรชนก เป็นผู้ทำเบิกและหายไปโดยไม่ติดต่อกลับมา จึงอยากให้ทางตำรวจช่วยรื้อฟื้นคดีของบิดาด้วย หรืออยากขอให้นางพรชนก เปิดปากรับสารภาพในส่วนของคดีบิดาของตนเองด้วยเช่นกัน
