มาอีกแล้ว แก๊งสาวแสบมอมยาสลบลอกคราบเสี่ย ตระเวนอาละวาดย่านลำลูกกา และเขตชานเมืองปทุม เหยื่อนักเที่ยวแฉพฤติการณ์สองโจรสาวแสบหน้าสวย อ่อยจนตายใจหวังหิ้วขึ้นสวรรค์ตอนผับเลิก แต่กลายเป็นสวรรค์ล่มเพราะเผลอดูดเต้ามหาภัย เชื่อแอบป้ายยาสลบอย่างแรงไว้ก่อนโดนรูดทรัพย์เกลี้ยงตัว
ปัญหาโจรผู้ร้ายยังคงวนเวียนสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมไทยอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งฉกชิงวิ่งราว ปล้นจี้ มีไม่เว้นแต่ละวัน ในยุค “คืนความสุขให้ประชาชน” แต่ประชาชนกลับเป็นหวาดผวาภัยโจรจนไม่กล้าทิ้งบ้านทิ้งช่องไปไหน ขณะเดียวกันมีภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่ชวนให้เกิดความหมั่นไส้ หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงกับบ้านแตกก็คือ คดีลวงเสี่ยขี้หลีไปปลดทรัพย์ รูปแบบยังคงวนเวียนแบบเดิมๆโดยอาศัยกิเลส ตัณหากับความมึนเมาจนขาดสติของเหยื่อเป็นจุดอ่อน
ล่าสุดเกิดกระแสข่าวในกลุ่มนักท่องราตรีย่านชานเมือง โดยเฉพาะรังสิต และลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่ามีสองโจรสาวออกอาละวาดมอมยาปลดทรัพย์แขกหนุ่มที่มาเริงสำราญในผับเพื่อชีวิตในย่านดังกล่าว โดยพฤติกรรมจะเลือกเฉพาะกลุ่มนักเที่ยวชายล้วน หรือที่มาเดี่ยวๆ ยิ่งจัดอยู่ในประเภทเสี่ยมีเฟอร์ฯ เต็มตัวทั้งสร้อย แหวน สร้อยข้อมือ หรือมือถือราคาแพง ถือว่าเป็นเหยื่อระดับ 5 ดาว
“วินัย” คือนักเที่ยวรายหนึ่งที่เจอกับตัวเต็มๆ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เขามีอาชีพขับรถรับจ้าง ฐานะทางบ้านอยู่ในระดับปานกลาง มีภรรยาแล้วแต่ยังติดเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนอยู่บ้าง และมักจะมาใช้บริการที่ “บ้านตะเกียงผับ” ผับเพื่อชีวิตย่านลำลูกกา
“วินัย” เล่ากับ astvผู้จัดการว่า ก่อนหน้าประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาได้นัดกับพรรคพวกไปเที่ยวกันอีกมีการดื่มกินตามประสานักเที่ยว ระหว่างเดินเข้าห้องน้ำสังเกตว่ามีหญิงสาว 2 คนนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ส่งสายตาลักษณะเชิญชวนจึงเข้าไปทักทายทำความรู้จัก เธอแนะนำว่าชื่อน้องเบียร์ กับน้องบิว ทั้งคู่อายุราว 25 ปี หรือกว่านั้นนิดหน่อย ผิวขาว รูปร่างดีมาก ไว้ผมยาว คนหนึ่งใส่กระโปรงสั้นอีกคนใส่กางเกงรัดรูปเน้นสัดส่วนเว้าโค้งชวนเคลิ้มฝัน จากนั้นพอดื่มกินเข้าไปมากๆ ก็มานั่งร่วมกัน
“ช่วงนั้นเขาให้ท่าผมสารพัด จับหน้าขาบ้าง เต้นส่ายยั่วบ้าง สนใจแต่ผมคนเดียวจนเพื่อนๆ มันอิจฉา พอมั่นใจว่าคืนนี้คงต่อไปสนุกกันต่อ ผมก็อาสาไปส่งบ้าน ปรากฏว่าทั้งคู่ตกลง แถมบอกว่าคืนนี้ขออนุญาตน้องสาวรุมพี่ชายนะ”
“วินัย” ส่ายหน้าอย่างอายๆ ก่อนเล่าต่อไปว่า พอตี 3 ก็ชวนกันกลับเพื่อนชายของตนจะมาด้วยแต่ยอมรับว่าในตอนนั้นมีความคิดแบบหมาหวงก้างจึงออกปากไล่เพื่อนให้แยกตัวกลับไปก่อน ส่วนตัวเขาเองก็พาน้องเบียร์ กับน้องบิว ขึ้นรถกระบะขับออกไปเพื่อหาโรงแรมม่านรูด
“ระหว่างทางคงด้วยความเมา ผมจึงขับวนหาที่เปลี่ยวกะว่าจะอุ่นเครื่องกันก่อน ระหว่างชุลมุนกันอยู่ ผมก็หมดสติหลับไปอย่างไม่รู้ตัว มาตื่นอีกทีประมาณ 10 โมงเช้า แดดแรงมาก มีชาวบ้านแถวนั้นมาปลุก พบว่านอนอยู่ที่เบาะหลัง หันไปดูรอบๆ เป็นบ่อเลี้ยงปลาแห่งหนึ่ง พอเริ่มมีสติสิ่งแรกที่ควานหาคือโทรศัพท์ ปรากฏว่าหายไป สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทพร้อมพระเลี่ยมมองหายไปกับกระเป๋าสตางค์มีเงินประมาณ 3-4 พันบาท”
ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “วินัย” บอกว่าเขารู้สึกอับอายและเจ็บใจมาก ไม่คิดว่าจะเสียท่าง่ายๆ แบบนี้ และไม่ทราบจริงๆ ว่าถูกมอมยาตอนไหน แต่เมื่อทบทวนดูแล้วน่าจะตอนโรมรันพันตูกันในรถโดยสองสาวทำท่าจะให้ร่วมรักในรถ ระหว่างซุกไซ้กันอยู่เขายอมรับว่าเกิดอารมณ์เต็มที่จึงดูดหัวนมของโจรสาว จากนั้นสติสัมปะชัญญะก็ดับวูบไป
สำหรับการติดตามล่าสองสาวแสบ “วินัย” บอกว่าบางวันก็จะออกไปดักรอ และบังเอิญมีเพื่อนเป็นตำรวจอยู่ สภ.คลองหลวง จึงขอให้ช่วยสืบหาข่าวแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ทราบแต่เพียงว่ามีชายนักเที่ยวตกเป็นเหยื่อหลายรายแล้วโดยไม่มีใครกล้าขึ้นโรงพักแจ้งความ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะรู้สึกอับอายหรือกลัวภรรยาทางบ้านจะรู้ แต่ที่ออกมาบอกกับ “เอสทีวี ผู้จัดการ” ก็เพื่อเตือนบรรดานักเที่ยวให้คอยระวัง “น้องเบียร์” กับ “น้องบิว” ให้ดีๆ เพราะพวกนี้เป็นมืออาชีพ เขาน่าจะทำงานเป็นแก๊งมีรถสะกดรอยตาม พอปฏิบัติการเสร็จก็จะรับโจรสาวหลบหนีไป