ตำรวจภาค 1 ประสานภาค 2 ขอข้อมูลแก๊งยาสลบป้ายนมปลดทรัพย์เหยื่อ เชื่อเป็นรายเดียวกับมอมยา 3 หนุ่มเมืองชล ร้อยเวรปวดหัวเมียจ้องจะบีบคอผัวคาเตียงคนไข้ ต้องรอให้สงบสติอารมณ์ก่อนหาจังหวะสะดวกสอบหาตำหนิรูปพรรณแก๊งอีสาวแสบ เผยทีเด็ดกล้องวงจรปิดทั้งในผับและลานวัด คาดเปิดโฉมหน้าในเร็ววันนี้
จากกรณีทีมข่าวอาชญากรรม “ASTV ผู้จัดการออนไลน์” เสนอข่าวแก๊งอีสาวแสบออกตระเวนล่าเหยื่อเสี่ยหนุ่มมอมยาปลดทรัพย์ตามผับบาร์เพื่อชีวิตในเขตพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 1 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเกิดมีกลุ่มคนร้ายในลักษณะเดียวกันคาดว่าจะทำงานกันเป็นทีมโดยเมื่อตอนเที่ยงวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.บุญส่ง ยิ่งยง ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ชลบุรี รับแจ้งจาก น.ส.ธัญพิชชา ศรีวะรมย์ ว่า สามีของตนและเพื่อนรวม 3 คนถูก 3 สาวที่ไม่รู้จักกันมาก่อนหลอกมอมยารูดทรัพย์ โดยมีทรัพย์สินสูญหายรวมกว่า 1 แสนบาท และได้นำตัวทั้งสามมาปล่อยทิ้งไว้ที่บริเวณวัดท้องคุ้ง ต.นาป่า หลังรับแจ้งจึงเดินทางพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพมูลนิธิไตรคุณธรรม
ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นไทรกลางลานวัด พบนายเฉลิมชัย ลาล้ำ อายุ 39 ปี, นายกิตติชาติ รอดเงิน และนายผดุงเกียรติ มงคลวิวัฒน์ ทั้งหมดอยู่ในอาการสะลึมสะลือ อาเจียนเป็นเลือด พูดจาไม่รู้เรื่อง ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถกระบโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฒส 6469 กรุงเทพมหานคร ของนายกิตติชาติจอดอยู่โดยไม่ปิดกระจก และบริเวณท้ายรถมีร่องรอยอาเจียนเป็นเลือด เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรี และแพทย์ต้องทำการล้างท้องป็นการด่วน
จากการสอบสวนทราบว่าทั้ง 3 คนนัดดื่มสุรากันที่ผับแห่งหนึ่งใน ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง มีหญิงสาว 3 คนเข้ามาตีสนิทและชักชวนสามหนุ่มไปดื่มสุรา และร้องเพลงกันต่อที่ร้านคาราโอเกะใกล้กัน ก่อนที่ทั้ง 3 สาวจะมอมยาจนทั้งหมดอยู่ในอาการสะลึมสะลือ และทำการปลดทรัพย์ของนายเฉลิมศักดิ์เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง 4 องค์ แหวนทองคำหนัก 1 บาท และเงินสดอีก 9,000 บาทหลบหนี
โดย น.ส.ธัญพิชชา ภรรยาของนายเฉลิมศักดิ์กล่าวว่า พยายามโทรศัพท์ติดต่อสามีตั้งแต่เวลา 04.00 น. และพยายามออกตามหา จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.จึงทราบว่าสามีอยู่ที่วัด จึงเดินทางมารับตัวโดยไม่ติดใจต่อทรัพย์สินที่สูญหายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อตอนค่ำวันเดียวกันว่า อาการของนายเฉลิมชัยกับพรรคพวกยังอยู่ในสภาพสะบักสะบอมอยู่ โดยเฉพาะนายผดุงเกียรติยังไม่ฟื้น เข้าใจว่าจะได้รับยาสลบจนเกินขนาด ส่วนนายเฉลิมชัยกับนายกิตติชาติต่างให้การวกวน และไม่กล้าเปิดเผยความจริงมากนัก ในขณะที่เจ้าพนักงานกำลังสอบถามเพื่อหาตำหนิรูปพรรณคนร้ายนั้น พอบอกกับตำรวจไปว่าคนร้ายสาว 3 คน รูปร่างหน้าตาดี ภรรยาที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้ก็ถลึงตาใส่และมีท่าทางฝึดฝัดอยากเอาเรื่องสามี ต่างจากตอนแรกๆ สลับกับการต่อว่าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้การสอบสวนไม่คืบหน้านัก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำทีวีวงจรปิดในผับที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในวัดแล้ว คาดว่าจะรู้ตำหนิรูปพรรณรวมทั้งพาหนะที่คนร้ายใช้กระทำความผิดในเร็ววันนี้ จากการสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ คาดว่ากลุ่มคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 4-5 คนโดยช่วงเกิดเหตุนายผดุงเกียรติไปกินเหล้ารอเพื่อนๆ อยู่ก่อนและร่วมนั่งดื่มกินกลับกลุ่ม 3 สาวอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์ชวนเพื่อนๆ ไปสมทบกระทั่งเกิดเหตุมอมยาขึ้น สำหรับทรัพย์สินที่หายไปจากการตรวจสอบครั้งหลังสุดมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอีก 1 เครื่อง ส่วนที่แหลือเป็นโทรศัพท์ราคาถูกของนายเฉลิมชัย ภรรยาจึงสามารถโทร.ติดต่อได้
ก่อนหน้าที่ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้นำเสนอพฤติการณ์แก๊งอีสาวแสบออกอาละวาดมอมยาเหยื่อตรมาสถานบริการต่างๆ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 1 เฉพาะย่านรังสิต ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ผับเพื่อชีวิต เป็นแหล่งหาเหยื่อ ล่าสุดเหตุเกิดร้านตะเกียงผับ โดยนายวิชัย (นามสมมติ) เหยื่อรายหนึ่งออกมาเปิดโปงว่าถูกแก๊งอีสาวแสบเข้ามาตีสนิททั้งที่ตนมากับเพื่อนๆ รวม 3 คนแต่ตอนเลิกเกิดความคิดอยากมีเซ็กซ์หมู่จึงชิ่งกลุ่มเพื่อนมากับโจรสาวตามลำพัง ผลปรากฏว่ามารู้สึกตัวอีกทีตอนเที่ยงวันถูกปล่อยให้นอนตากแดดอยู่ข้างบ่อเลี้ยงปลา ผ่านมานานหลายเดือนแล้วก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ในขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตร.ภาค 1 ได้ประสานเพื่อขอข้อมูลจาก สภ.เมืองชลบุรีแล้ว
สำหรับพฤติกรรมของแก๊งอีเสือสาวรายนี้ อาจจะเป็นแก๊งเดียวกับรายล่าสุดที่ชลบุรี เนื่องจากมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน เริ่มจากการออกหาเหยื่อจนพบกลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะมีเครื่องประดับติดตัว และใช้โทรศัพท์ราคาแพง นอกจากนั้นยังต้องอยู่ในข่ายชาย “ขี้หลี” เมื่อครบตามนี้เหยื่อหมดสิทธิ์รอด ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า รายของ 3 หนุ่มชาวชลบุรี หลังออกมาพร้อมกันจากสถานบริการ นายเฉลิมชัยกับเพื่อนๆ พร้อม 3 สาววายร้ายพากันขับรถไปที่วัดท้องคุ้ง เพื่อตกลงกันว่าจะไปต่อที่โรงแรมไหน แต่เหตุผลของคนร้ายก็เพียงแค่ให้ยาออกฤทธิ์และเมื่อเหยื่อหมดสติแล้วจึงช่วยกันปลดทรัพย์ก่อนมีรถของคนร้ายที่สะกดรอยตามมารับหลบหนีไปในที่สุด