“จักรทิพย์” มอบนโยบายงานมั่นคง ตั้งเป้าลดคดีหมิ่นฯ ตั้งแต่ปี 51 มีทั้งสิ้น 93 คดีให้เหลือ 50% ภายในสิ้นปี สั่ง รรท.ผบช.ภ.1 ไปหามาตรการเฝ้าระวังความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มการเมืองที่จะมารวมตัวเคลื่อนไหวในงานศพ “อภิวันท์” ด้วย
วันนี้ (14 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง (รรท.รอง ผบ.ตร.) (มค) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายงานความมั่นคง โดยมี พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม รรท.ที่ปรึกษา (มค 1), พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. (มค 2), พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. (มค 3), พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. (มค 4) เข้าร่วมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงให้แก่ผู้แทนหน่วยปฏิบัติ ได้แก่ บช.น., ภ.1-9, บช.ก, สตม., กมค., ตท. ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลและ ผบ.ตร. ในการปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจคนไทยทั้งชาติ และเสริมสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้มอบนโยบายหลัก 3 ข้อ คือ 1. ได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้นำนโยบายของ ผบ.ตร.ทั้ง 8 ข้อไปสู่การปฏิบัติ 2. กำชับให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไปลดจำนวนคดีเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งตั้งแต่ปี 2551-ปัจจุบันมีจำนวน 93 คดี โดยให้ลดเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปีนี้ และ 3. กำชับให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมปฏิบัติงานในอนาคต
สำหรับคดีหมิ่นสถาบันฯ นั้นจะดำเนินการต่อผู้ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมาจากการปราศรัยบนเวทีชุมนุม หรือความผิดในโลกโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยได้ให้ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เป็นผู้ดูแล อีกทั้งยังสั่งให้ พล.ต.ท.อำนาจไปตรวจสอบความยากง่ายของคดีเหล่านั้นด้วยว่ามีข้อติดขัดตรงส่วนใดเพื่อให้คดีเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ได้เตรียมจัดตั้งศูนย์ป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันผ่านอินเตอร์เน็ตขึ้นมาโดยเฉพาะ เนื่องจากปัจจุบันโซเชียลมีเดียถือเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างหนึ่งเช่นกัน
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า ในส่วนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้จะดำเนินการตามนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ควบคู่งานมวลชน ส่วนเหตุเผาโรงเรียนหลายแห่งใน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมาเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์จากกลุ่มพูโลเก่า จึงได้กำชับให้ผู้บังคับการจังหวัดในพื้นที่ชายแดนใต้เร่งรัดคดี ไม่ให้เกิดสุญญากาศช่วงก่อนรับนโยบาย สำหรับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นคาดว่าน่าจะเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ตามวันสำคัญของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทั้งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้นำเหล่าทัพหลายหน่วยด้วย ซึ่งก็ได้สั่งการให้ผู้การตำรวจในพื้นที่ให้ดูแลและเฝ้าระวังเป็นพิเศษมากขึ้น ทั้งนี้ ตนจะเดินทางไปมอบนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพื่อเร่งหาวิธีเยียวยาโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุรุนแรงดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีความมั่นคงอื่นๆ เช่น อาวุธสงคราม ยังมีปรากฏให้เห็นหรือไม่ รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ตนจะได้ขอสำนวนคดีเก่าที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ซึ่งเคยรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง มาดำเนินการต่อ
เมื่อถามถึงกรณี นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้หลบหนีระหว่างถูกควบคุมตัวไปฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีครอบครองเอกสารตรวจลงตราเข้าเมืองปลอม พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ได้สั่งให้เร่งตามจับกุมแล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมตรวจสอบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากพบมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นจะต้องดำเนินการเด็ดขาด สำหรับช่องทางในการหลบหนีของนายสหชัยนั้น ตนคิดว่าน่าเป็นการหลบหนีโดยใช้เส้นทางทะเล ส่วนปัจจัยในการหลบหนีคงเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้า ซึ่งตนก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว ทั้งนี้ การประชุมมอบนโยบายที่จะเกิดขึ้น จะมีการหารือเกี่ยวกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย ซึ่งชื่อของนายสหชัยก็มีอยู่บัญชีกลุ่มเป้าหมายแล้ว นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังขออนุมัติศาลออกหมายจับนายสหชัย และผู้ต้องหาอื่นรวม 8 คนในข้อหาค้าน้ำมันเถื่อนด้วย
พล.ต.ท.จักกรทิพย์กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของงานฌาปนกิจศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่วัดบางไผ่ จ.นนทบุรี ด้วยว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รรท.ผบช.ภ.1 ไปหามาตรการเฝ้าระวังความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มการเมืองที่จะมารวมตัวเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นไม่มีความกังวลแต่อย่างใดเนื่องจากได้เรียกแกนนำกลุ่มต่างๆ มาทำความเข้าใจกันแล้ว