ตำรวจสรุปสำนวนสั่งฟ้อง “นพ.พิสิฐ” เจ้าของ “ออลไอวีเอฟ” คลินิกอุ้มบุญ ขณะที่เจ้าตัวยังยืนกรานความบริสุทธิ์
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลแขวงปทุมวัน นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาล ออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต และทีมทนายความ พร้อมด้วย ร.ต.ท.ณัฐพล ล่อดงบัง พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เดินทางมาเพื่อมอบสำนวนการสอบสวนและพยานเอกสารหลักฐาน และความเห็นในการสมควรสั่งฟ้อง นพ.พิสิฐ ในความผิดฐานประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และไม่ควบคุมและดูแลให้แพทย์ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ที่มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 กรณีทำอุ้มบุญให้นายชิเกตะ มิตซูโตกิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ส่งมอบให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวงปทุมวันพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อศาลตามขั้นตอน โดยภายหลังการเข้ามอบหลักฐานให้อัยการ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
นพ.พิสิฐกล่าวว่า ตนยังยืนในความบริสุทธิ์ตนเองอยู่ และได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ด้านนายรุ่งโรจน์ ดิจบรรจง ทนายความ ได้กล่าวยืนยันในความบริสุทธิ์ของ นพ.พิสิฐ แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ทั้งนี้ ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ตนกับ นพ.พิสิฐจะเดินทางมารายงานตัวที่ศาลแขวงปทุมวันกับอัยการอีกครั้ง
ด้านนายเจริญเดช ศัลยพงษ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 เปิดเผยว่า วันนี้ครบกำหนดผลัดฟ้อง นพ.พิสิฐ ผลัดที่ 4 และจะครบกำหนดผัดฟ้องครั้งสุดท้าย ผลัดที่ 5 ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ทางอัยการจึงได้นัด นพ.พิสิฐ เข้าพบเพื่อรายงานตัว และจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา ตรวจสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนมอบให้จำนวน 1 แฟ้มจำนวนกว่าร้อยหน้าว่ามีการสอบข้อเท็จจริง พยานบุคคล และพยานเอกสารเพียงพอที่อัยการจะมีสั่งคดีได้ตามข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่หากวันที่ 9 ต.ค.อัยการยังไม่สามารถมีความเห็นสั่งคดีได้ตามกฎหมายจะต้องเสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดเพื่อขออนุญาตฟ้อง