นพ.พิสิฐ เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ที่รับทำอุ้มบุญ เข้าให้ปากคำที่ สน.ลุมพินีแล้ว ยังยืนยันในความบริสุทธิ์ ตร.คาดจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ สน.ลุมพินี นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนกุล แพทย์เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต พร้อมทนายความได้เดินทางมาเพื่อนำเอกสาร วุฒิบัตรการศึกษารวมคำชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการเปิดคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช มอบให้ พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เพื่อประกอบสำนวนคดีการรับทำอุ้มบุญ โดยขณะนี้ นพ.พิสิฐอยู่ระหว่างขบวนการผัดฟ้องครั้งที่ 3 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ในข้อหาประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ควบคุมดูแลให้แพทย์ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
โดยหลังจากสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง นพ.พิสิฐกล่าวว่า วันนี้มาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าที่ตนได้กระทำไปทั้งหมดไม่ได้ผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด พร้อมทั้งเอาหลักฐานเป็นใบประกอบการ เลขที่สถานประกอบการ วุฒิบัตรต่างๆ ซึ่งแสดงว่าตนเป็นแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์โดยเฉพาะ ทั้งของประเทศไทยและประเทศออสเตรเลีย ตนขอให้เห็นใจคู่สมรสและผู้ที่มีบุตรยาก เนื่องจากการรักษาในกรณีดังกล่าวนั้นมีความยากลำบาก รวมถึงการที่ผู้มีบุตรยากจะเข้าถึงการรักษานั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีข้อจำกัดในหลายด้าน รวมถึงกฎระเบียบบางข้อของแพทยสภานั้นค่อนข้างซับซ้อน อีกทั้งการแพร่กระจายของเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ค่อยได้ปรากฏเป็นข่าว ทำให้หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ อยากให้สังคมให้ความเห็นใจทั้งผู้ที่มารักษารวมถึงตนด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่ามีเจตนาจะช่วยเหลือคนไข้จริงๆ มั่นใจว่าหลักฐานที่นำมาให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมในวันนี้ เพียงพอที่จะใช้ต่อสู้ และยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดของทางเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากทุกครั้งที่ตนจะรักษาคนไข้ ตนทำไปตามหน้าที่ โดยการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าเป็นสามีภรรยาและมีบุตรยาก แต่จะเป็นสามีภรรยากันจริงหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ ส่วนกรณีการทำอุ้มบุญให้กับนายชิเกตะ มิซูโตกินั้นตนไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้เนื่องจากอยู่ในคดี
พ.ต.อ.เดชากล่าวว่า ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ นพ.พิสิฐจะนำพยานอีก 3 ราย เป็นแม่บ้าน และผู้ตกแต่งสถานที่มาให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติม โดยอ้างว่าพยานทั้ง 3 รายนั้นสามารถยืนยันได้ว่า อัลไพน์สตาร์ ชั้น 15 ภายในอาคารศิวาเทลย่านเพลินจิตนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ประกอบการสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้
