ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ จับผู้ต้องหาฉ้อโกงเงินทอนผู้ค้าตามตลาดนัดทุ่งครุ หลังมีผู้ค้าเข้าร้องเรียนถูกมิจฉาชีพอ้างจ่ายเงินแบงก์พันให้แต่ยังไม่ได้รับเงินทอน ทำให้ผู้ค้าหลงเชื่อทอนเงินให้ พบประวัติแสบมีคดีลักทรัพย์ติดตัว ขณะที่สามีก็มีหมายจับคดีฉ้อโกงเงินทอนในร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และพ.ต.ท.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมกันแถลงการจับกุม นางนาฎชุดา อเนกธรรม หรือตุ๋ย อายุ 47 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาคดีวางแผนฉ้อโกงเงินทอนผู้ค้าตามตลาดนัด โดยสามารถควบคุมตัวได้ที่บริเวณด้านหน้าตลาดทุ่งครุ 61 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. ขณะกำลังวางแผนก่อเหตุกับผู้ค้าซ้ำ
พ.ต.อ.เจษฎากล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากมีพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดทุ่งครุ 61 และตลาดนัดละแวกใกล้เคียงหลายรายเข้าให้ข้อมูลต่อฝ่ายสืบสวนสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ว่าถูกผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีเหมือนมีฐานะเข้ามาซื้อของแล้วอาศัยช่วงชุลมุน ทำทีแจ้งเจ้าของร้านว่าจ่ายเงินแบงก์พันให้ไปแล้วยังไม่ได้รับเงินทอน ทำให้ผู้ค้าหลงเชื่อทอนเงินให้ไป แถมยังสูญเสียสินค้าให้คนร้ายไปด้วย กว่าจะทราบว่าถูกหลอก ตลาดก็ปิดเก็บข้าวของและนับเงินรายรับประจำวันกันแล้ว จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเช็กประวัติคนร้ายจนทราบว่าคือนางนาฎชุดา เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก
จากการสอบสวนนางนาฎชุดาให้การรับสารภาพว่า เคยถูกจับคดีลักทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จากร้านทองในพื้นที่ จ.ชลบุรี ถูกดำเนินคดีจำคุก 3 ปี 1 เดือน และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะวางแผนก่อเหตุลวงเอาเงินทอนจากผู้ค้าในตลาดนัดทุ่งครุ 61 และตลาดนัดใกล้เคียงจริง โดยตระเวนก่อเหตุเฉลี่ยเดือนละ 4-5 ครั้ง เรียกว่าทำทุกครั้งที่มีโอกาส โดยจะเข้าไปคลุกคลีในร้านค้าที่กำลังมีลูกค้ารุมกันจำนวนมาก จากนั้นจะสั่งสินค้าให้เจ้าของร้านนำใส่ถุง แล้วแกล้งบอกว่านำเงินธนบัตรใบละ 1,000 บาทไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินทอน ผู้ค้าที่กำลังยุ่งส่วนใหญ่ก็จะควักเงินทอนให้เพราะไม่อยากเสียเวลามาโต้เถียง ทำให้ตนได้ทั้งเงินและสินค้ากลับบ้านไปอย่างง่ายดาย โดยก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านขายเสื้อผ้าในตลาดนัดย่านรังสิต จ.ปทุมธานี แต่ต้องเลิกกิจการเพราะมีปัญหาสุขภาพต้องใช้เงินซื้อยารักษาอาการวิตกจริตซึ่งเป็นมานานกว่า 10 ปี ประกอบกับสามีซึ่งเคยเป็นช่างรับเหมาทาสีก็ป่วยเป็นโรคประจำตัว (โรคพุ่มพวง) ไม่มีเงินใช้จ่ายประจำวันและเลี้ยงลูกอีก 3 คน จึงหันมาเป็นมิจฉาชีพจนกระทั่งถูกจับกุมเป็นรอบที่ 2 ตนอยากขอโทษผู้ค้าทุกรายที่เคยหลอกลวงและขอให้คำสัญญาว่าพ้นโทษเที่ยวนี้จะกลับตัวเป็นคนดี
ด้าน น.ส.ปรียานุช มีสัณฐาน อายุ 25 ปี เจ้าของร้านขายเป็ดในตลาดทุ่งครุ 61 ซึ่งเดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหากล่าวว่า เคยถูกนางนาฎชุดาฉ้อโกงเงินทอนไปครั้งหนึ่งขณะตนกำลังยุ่งอยู่กับการขายเป็ดให้ลูกค้าหลายราย นางนาฎชุดาได้สั่งซื้อเป็ดราคา 120 บาท ตนก็จัดใส่ถุงให้ สักพักนางนาฎชุดาบอกตนว่าให้ธนบัตรใบละ 1,000 บาทมาแต่ยังไม่ได้เงินทอน ตนจึงให้เงินทอนไป 880 บาท มารู้ตัวอีกทีว่าถูกหลอกก็ตอนเก็บร้านนับเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พ.ต.ท.ทรงวุฒิกล่าวว่า เบื้องต้นชุดจับกุมแจ้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ต่อนางนาฎชุดา ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ค้าในตลาดที่ตกเป็นเหยื่อเดินทางมาอายัดตัวเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ จากการสืบประวัตินายพีระ อเนกธรรม อายุ 52 ปี สามีของนางนาฎชุดา พบว่ามีหมายจับคดีฉ้อโกงเงินทอนในร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ในพื้นที่ จ.ชลบุรีด้วยเช่นกัน โดยหลังจากนี้จะประสานตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุให้ทราบก่อนช่วยกันติดตามจับกุมนายพีระที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป