ทำแผน นศ.วิทยาเขตอุเทนถวาย ยิง นศ.ช่างกลปทุมวัน 2 ศพ บริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ วันเดียวกันยังได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนยิง นศ.เทคโนโลยีกรุงเทพ เสียชีวิตภายในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) พื้นที่สน.หัวหมาก
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุประกบยิง นายพลวัต จันทร์วิเศษ อายุ 21 ปี และ นายชิษณุพงษ์ ศรีคชา อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นเหตุให้เสียชีวิตบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ ถนนเทอดดำริ พื้นที่ สน.เตาปูน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา
วันนี้ (17 ก.ย.) พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.ท.นพคุณ ไพเราะ สว.สส พ.ต.ต.สุรเดช ฉัตรไทย สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน และเจ้าหน้าทีท่ทหาร ป.พัน.1 รอ. รวมกว่า 100 นาย ได้นำตัว นายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี นายปัญญา เขมวัชรเลิศ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยใช้เลาประมาณ 30 นาที
โดยก่อนเกิดเหตุ นายณัฐกร กรรมแต่ง ได้ทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน จากนั้น นายจิรายุทธ สุวรรณโชติ นายอรรถพล ยี่แม่นยิง และ นายคมสันต์ ชูศิลป์ ได้ทำการชี้เป้าหมายให้กับ นายกบินทร์ ที่บริเวณผู้เป็นมือปืน และ นายปัญญา ซึ่งทำหน้าที่ขับขี่ จยย. ที่บริเวณห้างโลตัส สาขาเจริญผล ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำ-แดง ทะเบียน ฬสม 483 กทม. ซึ่งเป็นแผนป้ายทะเบียนที่ขโมยมาเพื่อสวมตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับรถ จยย. ติดตามผู้เสียชีวิต จนกระทั่งมาตามพบผู้เสียชีวิตทั้งคู่อีกครั้งที่แยกศรีอยุธยา จากนั้นได้ขับรถ จยย. เส้นทางถนนพระราม 6 เข้าถนนประดิพัทธ์ มายังถนนเทอดดำริ จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าสถานีรถไฟบางซื่อ ก่อนที่นายกบินทร์จะชักปืนขนาด .38 ออกมายิงใส่ นายพลวัต เข้าที่หูด้านขวาทะลุหูด้ายซ้ายจำนวน 2 นัด ส่วน นายชิษณุพงศ์ ถูกยิงเข้าที่หูด้านขวา 1 นัด และกระเป๋าสะพาย 1 นัด รวมจำนวน 4 นัด เป็นเหตุทั้งสองเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะขับรถหลบหนีไปตามถนนเทอดดำริ ก่อนกลับรถเพื่อหลบหนีไปตามเส้นทางเดิมมุ่งหน้า 5 แยกลาดพร้าว ซึ่งหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านพักย่านบึงกุ่ม กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าว ทั้งนี้ หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน จะสงตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขัง ที่ สน.หัวหมาก ซึ่งทาง สน.เตาปูน จะแนบสำนวนของคดีดังกล่าวไปกับสำนวนคดีของ สน.หัวหมาก จากนั้นในวันพรุ่งนี้ ทางพนักงานสอบสวนสน.หัวหมากจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังยังศาลอาญารัชดาภิเษกต่อไป
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมา อีกทั้งยังมีเพื่อนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันมารอดูการทำแผนกว่า 10 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันให้ออกจากพื้นเพื่อความปลอดภัย
ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.โกเมน สุภาพ ผทค.พงส. พ.ต.ท.โสภณ ยานธรรม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.หัสดินทร์ นพวงศ์ ณ อยุธยา สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน คุมตัว นายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี หรือ เอฟ นายปัญญา เขมวัชรเลิศ หรือ โต้ง และ นายอรรถพล ยี่แม่นยิง หรือ ต้น ผู้ต้องหาที่ร่วมกัน นายพชร กัมพลาศิริ อายุ 21 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ จนเสียชีวิตภายในซอยรามคำแหง 107 (ซอยวัดศรีบุญเรือง) ในพื้นที่ สน.หัวหมาก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
จุดแรกตำรวจคุมตัวไปที่ปากซอยรามคำแหง 103 ซึ่งเป็นจุดที่ นายปัญญา ขับขี่รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำตาล ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยมี นายกบินทร์ นั่งซ้อนท้ายมาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยรามคำแหง 107 ซอยวัดศรีบุญเรือง มายังจุดที่ 2 ที่บริเวณหน้าอาคารอัสสกาญจน์ เพลส เลขที่ 231 อาคาร 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน สวมหมวกนิรภัย ก่อนจะจอดบริเวณฝั่งตรงข้ามอาคารดังกล่าว หลังจากนั้น นายกบินทร์ ได้เดินลงจากรถ จยย. ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด .32 จ่อยิงเข้าที่ศีรษะจำนวน 1 นัด เมื่อผู้ตายล้มลง จึงกระหน่ำยิงอีก 4 นัด และขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดต่างๆ ตามเส้นทางที่ทั้ง 2 คนหลบหนีอีกทั้งสิ้น 7 จุด หลังก่อนเหตุนายปัญญาได้ขับขี่จักรยานยนพานายกบินทร์เลี้ยวซ้ายออกบริเวณปากซอย มุ่งหน้าไปตามเส้นทางถนนรามคำแหง ก่อนเลี้ยวซ้ายที่แยกคอกม้า เพื่อไปยังถนนเสรีไทย เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกนิด้า ผ่านหน้าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งจุดนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพทั้ง 2 ไว้ได้ ก่อนจะขับขี่จยย.ขึ้นสะพานยกระดับบางกะปิ ไปยังถนนลาดพร้าว และเลี้ยวซ้ายที่บริเวณใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อไปยังบ้านพักของนายกบินทร์ ย่านรามอินทรา
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังนำตัว นายอรรถพล ไปทำแผนบริเวณแสนสบายคอมเพล็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามซอยรามคำแหง 103 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ นายอรรถพล มานั่งรอ นายกบินทร์ เพื่อที่จะบอกความเคลื่อนไหวของผู้ตาย
โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น มีประชาชนพร้อมทั้งญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและเพื่อนสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จำนวนมากมารอดูการทำแผนครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชุดจู่โจม เฝ้าคอยระวัง และกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องตลอดการทำแผน อย่างไรก็ตาม ขณะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนนั้น มีรถยนต์ของทางนักศึกษาสถาบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ คอยขับตามตลอดการทำแผน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้าตรวจค้น พร้อมทั้งว่ากล่าวให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่ให้ขับตาม
นายกำพล กัมพลาศิริ บิดาของ นายพชร ผู้เสียชีวิต ซึ่งเฝ้าดูการทำแผนพร้อมครอบครัว กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกโกรธแค้นมาก ถ้าเป็นไปได้อยากทำร้ายผู้ต้องหาเสียตอนนี้เลย เพื่อชดใช้ให้ลูกชายเพียงคนเดียว ส่วนตัวแล้วตนเองไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการยิงผิดตัว และขอให้การเสียชีวิตของลูกตนเองเป็นกรณีเริ่มต้นการแก้ปัญหานักเรียนตีกันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งวอนให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดี ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย นอกจากนั้น ตนเองยังจะปรึกษาทนายความเพื่อจะเรียกร้องทางแพ่ง เอาผิดกับทางผู้ปกครองของผู้ต้องหาเป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ปกครองผู้ต้องหารับรู้ว่า ถ้าตนเองดูแลบุตรหลานไม่ดีก่อให้เกิดผลเสียกับครอบครัวคนอื่นอย่างไร