“สรรเสริญ” เผยหน่วยที่เกี่ยวข้องพร้อมหนุนแก้ปัญหานักเรียนตีกัน แย้มพ่อแม่อาจเดือดร้อน อยากให้นักเรียนเข้าใจกฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ คิดก่อนก่อเหตุ แจงต้องแก้ปัญหาที่ต้นทางด้วย สร้างความอบอุ่นในครอบครัว สถานศึกษาปลูกฝังทัศนคติ ชี้เป็นวาระสำคัญปฏิรูปและจัดระเบียบสังคมให้สำเร็จปีนี้ ขอ ปชช.-เอกชนร่วมเป็นหูเป็นตา และหนุนกิจกรรมมีประโยชน์
วันนี้ (26 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา ที่ หน.คสช.ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2559 ว่า เป็นมาตรการทางกฎหมายเพื่อช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ของนักเรียนนักศึกษา และลดความเดือดร้อนของประชาชนและสังคมที่อาจได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว โดยหน่วยราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน และการบังคับใช้กฎหมาย เช่น กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, อัยการสูงสุด ฯลฯ พร้อมสนับสนุนให้การแก้ไขปัญหานักเรียนตีกันสัมฤทธิผลตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช.
“มาตรการที่ออกมาจะทำให้นักเรียนนักศึกษาตระหนักรู้มากขึ้นว่า หากตนเองกระทำผิดอาจถูกกักตัวไว้ และพ่อแม่ผู้ปกครองจะเดือดร้อน เพราะต้องร่วมรับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้น โดยอาจถูกเรียกเงินประกัน หรือริบเงินประกันนั้นไว้ ส่วนผู้ที่ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือ ก็จะได้รับโทษหนักเบาตามฐานความผิดด้วยเช่นกัน”
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้สังคมโดยเฉพาะตัวนักเรียนนักศึกษาเข้าใจว่า กฎหมายบ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงควรหยุดคิดพิจารณาก่อนจะก่อเหตุในทุกกรณี เพราะทั้งตัวเองและผู้ปกครองจะได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลยอมไม่ได้ที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาใช้อาวุธทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของผู้อื่นตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า มาตรการที่กำหนดขึ้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง คือ การหยุดยั้งพฤติกรรมความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา ให้รู้จักเข็ดหลาบ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับต้นทางของปัญหาด้วย เช่น การสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว บิดามารดาต้องเป็นตัวอย่างที่ดี สถานศึกษาต้องปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้อง ส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ และดูแลเอาใจใส่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งภาคีเครือข่าย และคนในชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
“ท่านนายกฯ กำชับให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินมาตรการทั้ง 16 ข้อ ที่ สอศ.และ สช.ได้ประชุมร่วมกันไปก่อนหน้านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งรัดจัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. และสั่งการให้ทุกหน่วยงานข้างต้นบูรณาการแก้ไขปัญหา โดยถือเป็นวาระสำคัญของการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคมที่ต้องทำให้สำเร็จภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนและภาคเอกชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ หรือส่งเรื่องมาที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่เด็กและเยาวชน เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ เพื่อขจัดปัญหาให้สำเร็จลุล่วงตามแนวทางประชารัฐ”