xs
xsm
sm
md
lg

คุมตัวมือเอ็ม 79 - อาก้า ทำแผนวินาทียิงถล่ม พล.อ.ร่มเกล้า แยกคอกวัว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ทหาร - ตร.คุมตัว 4 ผู้ต้องหามือสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณแยกคอกวัว เมื่อเดือนเม.ย. ปี 53 โดยใช้รหัสพิราบขาวก่อนปฏิบัติการ เปิดฉากถล่มด้วยเอ็ม 79 ใส่เต็นท์ทหาร ก่อนกราดกระสุน ทั้งอาก้า 47 และเอ็ม 16 เข้าใส่ทหารและประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก

วันนี้ (12 ก.ย.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิหราหมกุล รทท.ผบช.ภ. 1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พล.ต.เทพพงศ์ พิทยจันทร์ รองแม่ทัพภาค 1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อคฝ. จำนวน 300 นาย ร่วมกันนำตัวผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรือ อ้วน อายุ 45 ปี นายปรีชา อยู่เย็น หรือ ไก่เตี้ย อายุ 24 ปี นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ อายุ 33 ปี และ นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือ เล็ก อายุ 45 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

โดยจุดแรก คือ จุดที่ผู้ต้องหาทั้งหมดนำรถตู้พร้อมอาวุธสงครามมาจอดบริเวณทางเข้าหน้าสำนักงานบริพัตร ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งห่างจากวัดมหรรณพาราม ประมาณ 20 เมตร หลังรับมอบอาวุธมาจากคอนโดมิเนียมบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา หลังจากนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายกิตติศักดิ์ นายปรีชา และ นายชำนาญ ได้นำอาวุธสงครามออกมาก่อเหตุ โดย นายกิตติศักดิ์ ได้เป็นผู้เปิดฉากยิงอาวุธปืน ชนิด เอ็ม 79 หลังจานั้นนายปรีชา ได้ยิงอาวุธปืนอาก้า เอเค 47 เข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ที่อยู่บริเวณแยกคอกวัว ส่วน นายชำนาญ ได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน

ส่วน นายธรรมรัตน์ สุ่มสี หรือ นายดำ ได้อยู่ร่วมก่อเหตุด้วย โดยใช้อาวุธปืนชนิดเอ็ม 79 ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ขณะที่ นางปุณิกา ชูศรี หรือ อร ยังคงนั่งอยู่ภายในรถตู้ พร้อมกับครอบครองระเบิดเพลิงไว้ สำหรับนายรณฤทธิ์ เป็นผู้ขับขี่รถตู้ที่ใช้ในการก่อเหตุ หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 3 ก่อเหตุในจุดแรก ผู้ต้องหาทั้งหมดได้พยายามลักลอบนำอาวุธสงครามเข้าไปภายในถนนราชดำเนิน

จุดที่สอง เป็นจุดที่ นายกิตติศักดิ์ และ นายปรีชา พยายามจะผ่านจุดคัดกรองเข้าไปภายในถนนราชดำเนิน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธสงคราม ก่อนจะบอกรหัส “พิราบขาว” เมื่อการ์ดได้ยินรหัสดังกล่าวจึงปล่อยให้ทั้งคู่เข้าไป ส่วน นายชำนาญ ได้แอบลักลอบเข้าไปผ่านทางด้านข้างฝั่งซ้ายของแผงกั้นพร้อมกับอาวุธปืน เอ็ม 16 เข้าไปได้สำเร็จ ก่อนจะไปก่อเหตุในจุดต่อไป

จุดที่สาม เป็นจุดบริเวณถนนตะนาว ฝั่งซอยราชดำเนินกลางเหนือ ห่างจากถนนข้าวสารประมาณ 10 เมตร โดยนายชำนาญ ได้เปิดฉากยิงอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่บนอาคารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (อาคารเก่า) หลังจากนั้น นายกิตติศักดิ์ ได้ใช้อาวุธปืนชนิดเอ็ม 79 ยิงใส่เต็นท์เจ้าหน้าที่ทหาร หน้าร้านแกรนด์ จิวเวลรี่ แต่อาวุธปืนขัดลำกล้อง ก่อนจะมีเพื่อนซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ยื่นอาวุธปืนอาก้า เอเค 47 ให้นายกิตติศักดิ์ จึงใช้อาวุธดังกล่าวยิงใส่เจ้าหน้าทหารบริเวณดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ โดย นายปรีชา ได้ใช้อาวุธปืนอาก้า เอเค 47 ยิงซ้ำเข้าไปในเต็นท์ทหารจุดเดียวกันกับนายกิตติศักดิ์ ซึ่งบนกำแพงของอาคารโดยรอบยังคงพบร่องรอยของกระสุนอยู่เป็นจำนวนมาก

หลังจากผู้ต้องหาทั้งหมดได้ก่อเหตุเสร็จ ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง ที่จุดจอดรถตู้ก่อนขับอ้อมไปตามถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ ซึ่งได้สวนทางกับรถฮัมวี่ของเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณสะพานวันชาติ ก่อนที่หนึ่งในคนร้ายได้ลดกระจกลงพร้อมด่าทหารว่า “มาทำ....(เหี้ย) อะไรกันที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติหน้าที่กันที่ภาคใต้” จากคำพูดดังกล่าวทำให้ทหารสามารถจำหน้าของคนร้ายได้ จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ก่อนจะถูกจับกุมได้

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจับผู้ต้องหาดังกล่าว ไม่ได้มีการจับผิดตัว เนื่องจากได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมของศาลเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา โดยมีการรวบรวมหลักฐานและสำนวนคดี ข้อมูล ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร จนศาลอนุมัติออกหมายจับ ซึ่งถือได้เป็นการกลั่นกรองแล้ว จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ และผู้ต้องหาได้รับสารภาพ จึงสามารถนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนในวันนี้ได้ ซึ่งตนเองได้มีการรับมอบนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ. ให้รับผิดชอบดูแลคดีเกี่ยวความมั่นคงและคดีความต่างๆ โดยใช้ข้อมูลหลักฐาน พร้อมเน้นย้ำว่าให้ทำงานภายใต้ความยุติธรรม โปร่งใส มิให้มีการกลั่นแกล้ง โดยทุกจุดที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการสอบสวนก่อน ซึ่งในข้อมูลในบางส่วนนั้นตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจจะเป็นอุปสรรคต่อผู้ที่ให้การไปก่อนหน้านี้

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล ทราบว่า ขณะนี้ยังคงพักอาศัยอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจะให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินการและประสานนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายกิตติศักดิ์ พบว่า นายกิตติศักดิ์ นั้นมีหมายจับติดตัวอยู่หลายคดีอีกด้วย







กำลังโหลดความคิดเห็น