เจ้าของธุรกิจขายเสื้อผ้า และผู้เสียหายกว่า 10 ราย ร้องกองปราบ ตามจับอดีต ส.ท.บ้านฉาง รวมหัวเมียหลอกลงทุนอสังหาฯ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามหมายจับ โดยใช้อุบายชักชวนให้ร่วมลงทุนเสนอค่าตอบแทนร้อยละ 10 สุดท้ายหายทั้งต้นทั้งดอก มูลค่า 16 ล้านบาท
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม นางอัลธญา อุดมมั่น อายุ 38 ปี อาชีพเปิดร้านขายเสื้อผ้า พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายรวม 12 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุม นายณชพงษ์ กีรตยาคม หรือ บัตร อายุ 44 ปี อดีต ส.ท.ยายล้า อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และ นางชนัณญา กีรตยาคม หรือ กุ้ง อายุ 35 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 99/9 หมู่ 5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ข้อหาฉ้อโกงประชาชน
นางอัลธญา กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายณชพงษ์ ซึ่งรู้จักสนิทสนมกัน ชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยอ้างว่าได้เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และกำลังสร้างบ้านเดี่ยวในโครงการแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ระยอง แต่มีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน จากนั้นได้หว่านล้อมว่าถ้านำเงินมาร่วมลงทุนจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 10 จากผลกำไร ภายหลังโครงการก่อสร้างเสร็จสิ้น ด้วยความเชื่อใจและเห็นว่าได้รับผลตอบแทนดี จึงร่วมลงทุนเป็นจำนวน 100,000 บาท ซึ่งครั้งนั้นก็ได้รับเงินจริง โดยได้รับ 2-3 งวด จึงเกิดความเชื่อใจมากขึ้น ต่อมานายณชพงษ์ กับภรรยา ก็ชักชวนให้ตนนำเงินมาลงทุนเพิ่มเติม เพราะมีโครงการใหญ่อีกหลายแห่งที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมทั้งได้แนะนำให้บอกกับเพื่อนและคนรู้จักให้ร่วมลงทุนด้วย
นางอัลธญา กล่าวต่อว่า จากนั้นตนจึงได้ไปชักชวนเพื่อนนำเงินมาทำธุรกิจดังกล่าว รวมเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท โดยมี น.ส.บังอร พรมพิบาล ที่หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนกว่า 4.1 ล้านบาท แต่ภายหลังจึงตรวจสอบพบว่า นายณชพงษ์ ไม่ได้ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการกล่าวอ้างไว้ และไม่ได้จ่ายเงินตอบแทนคืนให้ หลังจากนั้น ประมาณต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อได้ติดตามทวงถามจากนายณชพงษ์ เขาก็จะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา และยังบอกอีกว่าที่พวกตนหาถึงบ้าน เขาสามารถแจ้งความเอาผิดข้อหาบุกรุกได้ ส่วนเรื่องที่มีการนำเงินมาลงทุนกันนั้นได้มีการทำสัญญากู้ยืมเงินไว้ แต่นายณชพงษ์ ก็ยังเฉไฉบอกว่าเงินที่คืนให้เป็นดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะพูดถึงเงินลงทุนก้อนใหญ่กว่า 16 ล้านบาท ที่เขาได้รับไปแล้ว แต่ไม่มีการคืนเงินที่เป็นผลตอบแทนให้
นางอัลธญา กล่าวด้วยว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รวมกลุ่มเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองระยอง จากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ทยอยเรียกไปสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับนายณชพงษ์ และนางชนัณญา เอาไว้ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองแต่อย่างใด จึงรู้สึกร้อนใจและอยากให้ทาง บก.ป.ช่วยสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาอีกทางหนึ่ง พวกตนเดือดร้อนกันมากเพราะเงินที่ถูกทั้งสองฉ้อโกงไปนั้นเป็นเงินเก็บและเงินที่ต้องใช้หมุนเวียนทำธุรกิจ
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางตำรวจท้องที่เกิดเหตุได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีเอาไว้แล้ว ส่วนความประสงค์ของทางผู้เสียหายนั้น ต้องการให้ทาง บก.ป. ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นจึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.สิงห์ สิงห์เดช พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2 บก.ป. รับเรื่องและประสานชุดสืบสวน เพื่อวางแผนสืบสวนจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป