ดีเอสไอ แจง กรณีไม่สั่งฟ้องกรรมการผู้จัดการบ.ดิจิตอลฯ ในคดีตุ๋นแชร์น้ำมันหอม เหตุผู้ถูกฟ้องเข้ามาเกี่ยวข้องหลังเกิดเหตุในคดี เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องการถอนอายัดบัญชีทั้ง 5 บัญชีโดยมิชอบ
จากกรณีที่ผู้เสียหายกว่า1หมื่นรายทั่วประเทศถูกบริษัทดิจิตอล คราวน์โฮลดิ้ง จำกัด หลอกลวงให้ร่วมลงทุนแชร์น้ำมันหอมโดยมีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000ล้านบาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษที่114/2555 และมอบหมายให้สำนักคดีอาญาพิเศษ1 ดีเอสไอ ดำเนินการ กระทั่งพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด21ราย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน มาตรา343 ตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมาตรา 4,5 ตามพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ต่อมาผู้เสียหายมีข้อกังวล และสงสัยว่านายสรวีย์ รวยฟูพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่2 ที่ทำการแทนบริษัทดิจิตอลฯ โดยบริษัทนี้มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุนและได้หลอกลวงเอาเงินไป ซึ่งนายสรวีย์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้บริหาร แต่กลับไม่ถูกสั่งฟ้อง นอกจากนี้ผู้เสียหายยังสงสัยถึงการดำเนินการของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ (อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น) และพ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1(ดีเอสไอ)ที่สั่งถอนอายัดเงินในบัญชีทั้ง5บัญชีมูลค่ากว่า500ล้านบาท ที่น่าเชื่อว่าเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เนื่องจากมีหลักฐานชัดว่าทั้ง5บัญชี มีข้อมูลการฝาก ถอน โอน เงินของผู้เสียหายอยู่ด้วย โดยภายหลังจากการถอนอายัด ทั้ง 5 บัญชีเพียง1วัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า มีการถอนเงินจนเหลือเพียง7ล้านบาท ผู้เสียหายจึงตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้องก็ไม่น่ารีบถอนภายในวันเดียว
ล่าสุด วันนี้(6ก.ค.) พ.ต.ท.ไพศิษฏ์ สังคหะพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า กรณีที่ดีเอสไอมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง นายสรวีย์ รวยฟูพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ผู้ต้องหาที่2 นั้น เนื่องจากหลังจากสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่านายสรวีย์ เข้ามาเกี่ยวข้องหลังเกิดเหตุในคดี
สำหรับการสั่งถอนอายัดบัญชีธนาคารทั้ง 5บัญชี ที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น เมื่อวันที่1ส.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหนึ่งได้มาร้องทุกข์ต่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้สอบสวนเรื่องดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายพยายามทวงถามเรื่องนี้กับพ.ต.อ.นิรันดร์ แต่ไม่ได้รับการชี้แจง และยังโยนเรื่องนี้ไปให้นายธาริตว่าเป็นคนสั่งการทั้งหมด อย่างไรก็ตามภายหลังที่อธิบดีดีเอสไอรับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว