อดีตแกนนำ กคป. เข้าพบ ตร.สน.บางนา เพื่อขอเป็นผู้เสียหายในคดีลอบยิง นายสุทิน ธราธิน แกนนำ กปท. บริเวณวัดศรีเอี่ยม เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุเพิ่ม หลังจากที่คดีสะดุดลง เนื่องจากผู้ต้องหาได้เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ สน.บางนา นายทศพล แก้วทิมา อายุ 52 ปี อดีตแกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย หรือ กคป. เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ การินทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.บางนา เพื่อเป็นพยานและเป็นผู้เสียหายเพิ่มในคดีคนร้ายลอบยิงกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะเดินขบวนมายังหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า บริเวณวัดศรีเอี่ยม ถนนศรีนครินทร์ แขวงบางบอน เขตประเวศ กทม. เป็นเหตุให้ นายสุทิน ธราธิน แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เสียชีวิต
นายทศพล กล่าวว่า การเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เพื่อแจ้งความเป็นผู้เสียหายเพิ่ม เนื่องจากในวันเกิดเหตุดังกล่าว ตนได้อยู่บนรถขยายเสียงกับนายสุทินด้วย แม้ว่าตนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ถือว่าตนถูกพยายามฆ่าด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ได้เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง จึงทำให้คดีดังกล่าวถูกมองว่าจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อให้คดีนี้มีความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนรู้สึกว่าคดีนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เมื่อปัจจุบันมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ทำให้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ตนได้มาให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีการออกหมายเรียก นายธวัชชัย พรหมจันทร์ ในคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง พกพา และยิงปืนโดยไม่มีเหตุผลอันควร โดยตนขอยืนยันว่า นายธวัชชัย นั้น อยู่กับตนบนรถขยายเสียงตลอดเวลา ก่อนจะฝ่าคมกระสุนออกมา โดย นายธวัชชัย ไม่มีการพกอาวุธและยิงปืนอย่างแน่นอน
นายทศพล กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวเมื่อได้เข้าไปพบพนักงานสอบสวนแล้ว ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ก็ความรู้สึกเครียด เนื่องจากผู้ต้องหาได้เสียชีวิตลง เพราะตัวผู้ต้องหาถือว่ามีความสำคัญต่อรูปคดีมาก ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกันกับกลุ่มอดีตแกนนำ กคป. แล้ว ว่า จะไม่ปล่อยคดีนี้ให้ผ่านไปอย่างแน่นอน เพราะเป็นคดีอุกอาจมีการก่อเหตุกลางวันแสกๆ ตนอยากจะฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ช่วยตามคดีดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นคดีที่จะพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมของไทยได้ และที่ตนเข้ามาเป็นผู้เสียหายในคดี เพราะจะสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีได้ง่ายกว่า ซึ่งในตอนแรกตำรวจได้กันตัวตนไว้เป็นพยาน ก่อนหน้านี้ ตนและอดีตแกนนำคนอื่น ก็ไม่กล้าเดินเข้ามาพบตำรวจ เพราะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม จนกระทั่งเปลี่ยนขั้วอำนาจ จึงเดินเข้ามาพบตำรวจ ซึ่งหลังจากการพูดคุย ทางเจ้าหน้าที่ได้เคยขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากศาลเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ในวันที่เกิดเหตุดังกล่าวมีหลายหน่วยงานที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อาทิ กอ.รมน. และทหาร อีกประมาณ 3-4 ชุด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีข้อมูลอยู่ จึงอยากให้ประสานเพื่อขอข้อมูลการข่าวมาประกอบสำนวนต่อไป