นายทหารพระธรรมนูญเบิกตัว “วีระ” พร้อมพวก สอบปากคำหลังถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกไว้เป็นเวลา 7 วันที่กองปราบฯ ก่อนประสานพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป ขณะที่ตลอดทั้งวันได้มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจ
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณี พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร คุมตัวนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต ส.ว.สมุทรสงคราม นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย พร้อมพวก รวม 8 คน มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อขอกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน หลังจากทั้งหมดได้ร่วมชุมนุมในนามกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขตพญาไท ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะถูกตำรวจ บก.น.1 และ สน.พญาไท เข้าควบคุมตัวที่บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 2 เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ต่อนายวีระกับพวก ซึ่งการพิจารณาแจ้งข้อหาจะขึ้นอยู่กับทางทหาร โดยจะมีการทำหนังสือร้องทุกข์และประสานมายัง บก.ป.อีกครั้ง
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ทางกองปราบปรามคงให้ความร่วมมือในการกักตัวทั้งหมดไว้ที่ห้องขัง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกเท่านั้น และเปิดโอกาสให้ญาติรวมทั้งผู้ที่รู้จักสามารถเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวกได้ อย่างไรก็ตาม ในประเด็นการกระทำผิดฐานขัดคำสั่ง คสช.ในการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทางทหารจะเป็นฝ่ายรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และหากเข้าข่ายความผิดดังกล่าว รวมทั้งเป็นความผิดทางคดีอาญาอื่นใดก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดี และเป็นไปตามขั้นตอน คือ สอบปากคำและคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป ทั้งนี้ หากครบกำหนดการกักตัว 7 วัน แล้วยังไม่มีการแจ้งข้อหาก็จะต้องปล่อยตัวทั้งหมดไป
ด้าน พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ทางทหารอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนจะมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของนายวีระซึ่งมีเงื่อนไขในระหว่างที่ได้รับการประกันในคดีชุมนุมปิดสนามบิน หนึ่งในข้อพิจารณา อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนคงจะรอการประสานจากทหารเท่านั้น ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ส่วนเรื่องการกักตัว ทางผู้บังคับบัญชาก็สั่งการให้ดูแลและอำนวยความสะดวกกับทั้งหมด โดยเป็นไปในแนวทางเดียวกับผู้ที่เคยถูกกักตัวก่อนหน้านี้ทุกราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ทาง พ.ท.บุรินทร์ได้เข้าสอบปากคำนายวีระ กับพวก อีกครั้งก่อนจะนำผลการสอบปากคำไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา โดยไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด เพียงแต่กล่าวสั้นๆ ว่าความผิดของนายวีระไม่ได้หนักหนาอะไร ก่อนจะขอตัวเดินทางกลับไปยัง พล.ม.2 รอ.ทันที ขณะที่ตลอดทั้งวันได้มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายวีระกับพวก รวมถึงนางพิศอำไพ สมความคิด อายุ 34 ปี ภรรยาของนายวีระด้วย
ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คอลัมนิสต์และผู้จัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” เดินทางเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวก โดยนายปานเทพกล่าวว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมนายวีระและผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คนในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกัน และส่วนตัวคิดว่ากรณีของนายวีระกับพวกยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่ามีการกระทำความผิด หรือเป็นการขัดคำสั่ง คสช.เพราะไม่ได้ชุมนุมต่อต้าน เพียงแต่มีการแจกเอกสารให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ตนคิดว่าการเข้าจับกุมตัวนายวีระเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่
นายปานเทพกล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบกับกรณีการเรียกร้องให้ทาง คสช.พิจารณาเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดไปก่อนหน้านั้น ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายังมีการรวมตัวชุมนุมของภาคประชาชน และการเคลื่อนไหวที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบกซึ่งเข้าข่ายกระทำการที่ขัดคำสั่งของ คสช.มากกว่า แต่ก็ไม่มีการจับกุมคุมขังแต่อย่างใด ตนคิดว่าทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะเคารพสิทธิการแสดงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปพลังงานซึ่งประชาชนทั้งประเทศมีส่วนได้ส่วนเสีย
“ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ก็จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่นายวีระกลับมาถูกกักตัวอยู่เช่นนี้ ก็เหมือนเป็นการตัดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นในประเด็นเรื่องการปฏิรูปพลังงานที่เขาเตรียมคำถามที่จะถามไว้ อย่างไรก็ตาม กับนายวีระยังเห็นตรงกันว่ารัฐควรจะจัดให้มีเวทีดีเบต ระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนในเวลาเท่ากัน ไม่ใช่ให้ ปตท.ให้กระทรวงพลังงานพูดกันอยู่เพียงฝ่ายเดียว พลังงานคือทรัพย์สินของทุกคนในชาติไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายปานเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าเรื่องข้อเรียกร้องต่างๆ ควรจะให้เป็นบทบาทของสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น นายปานเทพตอบว่า สปช.ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ฉากหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมในการแสวงหาความชอบธรรมในการดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องของการแปรรูปพลังงาน ทั้งเรื่องท่อก๊าซ หรือการปิโตรเลี่ยม เราอยากเห็นบรรยากาศที่สร้างสรรค์ ที่ประชาชนมีสิทธิในทรัพย์สินที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติเท่าเทียมกันซึ่งหลังจากนี้นายวีระและพวกตนก็ยังคงต้องเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต่อไป
ต่อมาในเวลา 16.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความและอดีตที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม.เดินทางเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวก
โดยทาง นพ.นิรันดร์เปิดเผยว่า ตนต้องการเดินทางมาเยี่ยมและพบปะกับนายวีระและผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คน ในฐานะที่เป็นกรรมการสิทธิฯ และมองประเด็นนี้ว่ามีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก การแสดงความคิดเห็นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วยความผิดข้อหาใด จึงได้สอบถามผู้ที่ถูกกักตัวว่าถูกจับกุมด้วยข้อหาใด
นพ.นิรันดร์เปิดเผยด้วยว่า สำหรับผู้ที่ถูกกักตัวทั้งหมด ตนจะสอบถามเรื่องความเป็นอยู่ จะดูแลเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากไม่ใช่กลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.แต่เป็นการกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งทาง คสช.น่าจะรับฟัง ไม่ใช่ใช้วิธีการดังกล่าวซึ่งตนคิดว่าเป็นการละเมิดสิทธิอย่างหนึ่ง โดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ในมาตรา 4 ก็ให้สิทธิประชาชนในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอยู่แล้ว
ขณะที่นายนิติธรกล่าวว่า ได้สอบถามพนักงานสอบสวน บก.ป.เกี่ยวกับการดำเนินการกับผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คน แต่พนักงานสอบสวนก็ยังตอบไม่ได้เนื่องจากต้องรอให้ทางทหารเป็นฝ่ายพิจารณาหากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะดูองค์ประกอบในส่วนพยานหลักฐานต่างๆ ที่จะดำเนินคดีต่อไป และพนักงานสอบสวนก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย