ตำรวจกองปราบฯ ตรวจค้นร้านรับซื้อของเก่า ย่านบางบัวทอง หลังมีโชเฟอร์รถแท็กซี่แจ้งความว่าเป็นที่ชำแหละรถยนต์ที่ได้จากการโจรกรรม เพื่อเอาอะไหล่ไปขาย ตรวจค้นพบซากรถยนต์ที่ชำแหละแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งตำรวจจะเร่งตรวจสอบว่าเป็นรถจากการโจรกรรมหรือไม่
วันนี้ (19 ส.ค) ที่กองปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย คำแหงพล ผกก.สง.ก.ต.ช. ช่วยราชการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง บก.ป. พ.ต.ท.จักรภพ ศรีหนา สว.กก.2 บก.ป. ร.ต.อ.พรพิทักษ์ พัฒนชัย ร.ต.อ.อเนก บุญตา ร.ต.อ.กรกต ยืนยง รอง สว.กก.2 บก.ป. นำกำลัง พร้อมหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นร้านอุทัย รับซื้อของเก่า ซอยคลองถนน ที่ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางแม่นาง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับแจ้งว่าร้านดังกล่าวมีการรับซื้อรถที่ได้มาจากการโจรกรรม โดยนำมาชำแหละอะไหล่ที่อู่รถ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ยุทธวัฒน์ กล่ำกล่อมจิตร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2 บก.ป. ได้รับแจ้งจาก นายกวี คงเดชศักดา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 246/99 ซอยจงามวงศ์วาน 3 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่า รถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพู-ขาว ทะเทียน ทม 1841 กรุงเทพมหานคร ถูกคนร้ายขโมยมาขายให้กับอู่ดังกล่าว เพื่อชำแหละเอาอะไหล่ไปขาย
นายกวี กล่าวว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวตนได้ให้ นายผดุงศักด์ จันทะยานี อายุ 32 ปี เช่าขับ โดยได้รับค่าเช่าวันละ 600 บาท ตั้งแต่เมื่อช่วงย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายผดุงศักดิ์ นำรถไปขับแล้วก็ไม่ได้นำรถมาคืนแต่อย่างไร ติดต่ออย่างไรก็ไม่ได้ จนเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ได้รับพี่ชาย นายผดุงศักดิ์ ไปตามหาบ้านญาติที่ย่านบางขุนเทียน แต่ก็ไม่พบ แต่ขณะที่แยกย้ายกันกลับปรากฏว่าได้พบรถแท็กซี่ของตนจอดอยู่ที่บริเวณปากซอยวุฒากาศ 28/1 ถูกถอดป้ายทะเบียนทั้งด้านหน้าและด้านหลังออก แต่ที่จำได้เพราะที่ประตูรถยังไม่ได้พ่นสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน จึงได้จอดรถลงไปดู พบนายผดุงศักดิ์ ยืนอยู่ข้างๆ รถ เมื่อเห็นตนเดินเข้าไปดูรถนนายผดุงศักดิ์ได้รีบวิ่งหลบหนีไป
นายกวี กล่าวต่อว่า ไม่ได้พกกุญแจสำรองมาด้วย จึงได้ฝากร้านค้าตรงที่จอดรถให้ช่วยดูให้ด้วย พร้อมรีบกลับบ้านมาเอากุญแจรถเปิดรถขับกลับ เมื่อกลับอีกครั้งพบว่ารถแท็กซี่ตนหายไปแล้ว สอบถามคนในร้านทราบว่ามีรถยกมายกไปไม่รู้เป็นรถตำรวจหรือไม่ แต่มีรูปถ่ายทะเบียนรถยกไว้เป็นทะเบียน ถพ 3114 กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่กองปราบ แจ้งความให้ช่วยตรวจสอบ จนสามารถติดต่อเจ้าของรถยกได้ โดยเจ้าของรถยกบอกกับตนว่ามีคนจ้างให้ยกรถไปไว้ที่ร้านอุทัย รับซื้อของเก่า ด้วยความร้อนใจจึงรีบไปตรวจสอบพบว่ารถแท็กซี่ของตน กำลังจะถูกชำแหละ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าของทำให้พวกที่กำลังจะชำแหละนำรถตนมาไว้ที่ด้านนอกร้านริมถนน พร้อมกับปิดประตูโซ่คล้องไว้ เมื่อตำรวจ บก.ป. ตามมาถึง ร้านแต่ได้ปิดแล้วไม่สามารถเข้าได้ จนต้องรอขอหมายค้นเข้าในวันเดียวกันนี้
จากการตรวจค้นภายในร้านอุทัย พบมีเนื้องที่ประมาณ 1 ไร่ ภายในมีซากรถที่ถูกตัดชำแหละอยู่เต็มไปหมด เจ้าหน้าที่พบ นางไพฑูรย์ คนโทเงิน ภรรยาเจ้าของร้าน ให้การว่า มีคนนำแท็กซี่มาขายให้ นายสมถิ่น บุญมาชาติ อายุ 32 ปี คนงานในร้านในราคา 12,000 บาท ซึ่ง นายสมถิ่น พร้อมกับคนงาน กำลังจะชำแหละรถ จู่ๆ มีคนมาแสดงตัวเป็นเจ้าของขอซื้อคืน นายสมถิ่น จึงเข็นรถออกมา นอกนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ด้าน นายสมถิ่น อ้างว่า มีคนชื่อนายอ้วน บอกว่าเป็นเจ้าของรถแท็กซี่คันดังกล่าวต้องการขายให้ในราคา 12,000 บาทขณะนี้รถเสียจอดอยู่ที่ปากซอยวุฒากาศ 28/1ตนจึงให้รถไปยกมาโดยไม่รู้ว่าถูกขโมยมา
ขณะที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับ นายสมถิ่น รับของโจร ส่วนการตรวจสอบภายในร้านพบแผ่นป้ายทะเบียนแท็กซี่ และรถนั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกประมาณ 10 กว่าแผ่นจึงได้นำไปตรวจสอบ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูหมายเลขตัวเครื่องว่ามีการแจ้งหายไว้หรือไม่ พร้อมกับอายัดอะไหล่รถทั้งหมดไว้รอเอกสารการรับซื้อมาแสดงยืนยัน
พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะตรวจสอบดูว่ามีรถที่ถูกโจรกรรมนำมาชำแหละขายที่นี่บ้างหรือไม่ สำหรับการกระทำตั้งแต่มีการยกรถที่ไม่ใช่รถของตนเองออกจากสถานที่ซึ่งจอดอยู่หรือในที่สาธารณะนับว่าน่ากลัวมาก เพราะไม่รู้ว่ารถยกเป็นตำรวจหรือโจร อาจจะเป็นมิจฉาชีพแอบอ้างมายกแล้วนำไปชำแหละ ยิ่งเป็นรถยกของเอกชนต้องมีมาตรการตรวจสอบว่าผู้ที่จ้างมาให้ยกรถเป็นเจ้าของจริง หรือไม่มีหลักฐานแสดงการครอบครองหรือไม่ โดยไม่ควรให้ยกแบบหลักลอย ซึ่งอาจจะถูกดำเนินคดีได้