กองปราบรวบแก๊งอ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ปล้นทรัพย์แฟนหนุ่มสาว ก่อนนำตัวไปเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับอิสรภาพ ชั่วไม่หนำใจเรียงคิวข่มขืนสาวก่อนนำตัวไปเรียกค่าไถ่ ล่าอีก 2 ชาติชั่ว รู้เบาะแสหนึ่งในนั้นเป็นทหารเรือ
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.บุญสนอง เบ้าตุ่น สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป.พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม นายธีรภพ หรือ เปา ชวนะปัญญา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/29 หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายโชติ ฉิมแป้น อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/5 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 6-12 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.และนายสมัย หรือ ยาว โคตร์เพ็ชร อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 71 หมู่ 4 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 65, 66 และ 68/2557 ลงวันที่ 30 มกราคม 2557 ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ข่มขืนกระทำชำเราโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืน พร้อมของกลาง ประกอบด้วย รถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีเทาดำ ทะเบียน กค 3348 หนองบัวลำภู สิ่งเทียมอาวุธปืน ซองกระสุน ซองปืน มีดดาบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รวมทั้งทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของผู้เสียหาย อาทิ เงินสด สร้อยคอทองคำ เครื่องประดับ พระเครื่อง อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมพวกที่ยังหลบหนีอีก 2 คน รวม 5 คน ได้ร่วมกันบุกเข้าไปปล้นทรัพย์ นายเอ และ น.ส.บี (ทั้งสองนามสมมติ) ซึ่งเป็นแฟนกัน ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้านพักในพื้นที่ย่านสายไหม กทม.โดยผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด และตำรวจกองปราบปราม พร้อมอาวุธปืน ขอเข้าตรวจค้นบ้านเพื่อหาสิ่งเสพติด ก่อนจะรุมทำร้ายร่างกายและเอาทรัพย์เงินสด ทองคำ และโทรศัพท์ของผู้เสียหายทั้งสอง จากนั้นได้พาตัวขึ้นรถยนต์ของผู้เสียหายขับออกไปโดยระหว่างได้พูดจาข่มขู่เหยื่อว่าหากไม่นำเงินจำนวน 115,000 บาท มาให้ก็จะยัดข้อหาคดียาเสพติด
จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายทั้งสอง ไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ แล้วข่มขู่ กระทั่งผู้เสียหายได้ติดต่อญาติให้โอนเงินมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหาตามจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอการโอนเงินนั้น ผู้ต้องหาได้ฉุดตัว น.ส.บี ไปผลัดกันรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่ ก่อนจากนั้นได้นำเหยื่อไปปล่อยไว้ข้างทาง ก่อนที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.สายไหม แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงพากันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายอีกทางหนึ่ง
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ กระทั่งชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ไว้ได้ ส่วนอีก 2 ราย ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม ซึ่งหนึ่งในนั้นพบว่าเป็นทหารเรือ แก๊งคนมีสีนอกรีต ร่วมกระทำความผิดด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันก่อเหตุกับเหยื่อมาแล้วหลายราย และทุกครั้งจะอ้างตัวเป็นตำรวจทั้งหน่วยปราบปรามยาเสพติด หรือแม้แต่กองปราบปราม เพื่อข่มขู่ผู้เสียหายก่อนจะปล้นทรัพย์สินไปซึ่งลงมือในพื้นที่ย่าน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ย่านสายไหม กทม.และละแวกใกล้เคียง หากเหยื่อเป็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี ก็จะข่มขืนกระทำชำเราด้วย นอกจากนี้สำหรับนายธีรภพ และนายโชติ นั้น เพิ่งพ้นโทษจำคุกในคดีประทุษร้ายเจ้าทรัพย์ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 มาแถลงข่าวนั้น นายเอ และ น.ส.บี ผู้เสียหายได้เข้าชี้ตัว พร้อมกับด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และพยายามจะเข้าทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถกันตัวทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีต่อไป