xs
xsm
sm
md
lg

รองโฆษก ตร.แถลงภาพรวมสถิติคดีอาชญากรรมเดือน ต.ค. 56

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พ.ต.อ.หญิงวิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก.ตร.)
รองโฆษก ตร.แถลงภาพรวมสถิติคดีอาชญากรรมเดือน ต.ค. 56 เผยมีแนวโน้วการเกิดเหตุกลุ่มคดีอุกฉกรรจ์ลดลง แต่คดีลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ย้ำ ตร.เข้มในการทำงาน แม้ต้องแบ่งกำลังออกไปดูแลม็อบ ลั่นคดีค้างเก่าจะระดมกวาดล้างก่อนปีใหม่

วันนี้ (19 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) แถลงสรุปภาพรวมสถิติคดีอาชญากรรม ประจำเดือนต.ค. 2556 โดยระบุว่า กลุ่มคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ รับแจ้งจำนวน 407 คดี โดยคดีที่รับแจ้งมากที่สุด คือ คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พื้นที่รับแจ้งมากที่สุด ได้แก่ ศชต. และ บช.ภ.8 มีการใช้ปืนพกเป็นอาวุธในการก่อเหตุมากที่สุด โดยส่วนจะเกิดเหตุในห้วงเวลา ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น. ขณะที่คดีเกี่ยวกับชีวิต ร่างกายและเพศ รับแจ้งจำนวน 1,844 คดี สถิติลดลง คดีที่รับแจ้งมากที่สุด คือ คดีทำร้ายร่างกาย รองลงมาเป็นคดีพยายามฆ่า พื้นที่รับแจ้งคดีทำร้ายร่างกายมากที่สุด ได้แก่ บช.น. และบช.ภ.1 เป็นการทำร้ายร่างกายโดยใช้กำลังกายประทุษร้ายมากที่สุด ในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ ระหว่างเวลา 08.00-24.00 น. ส่วนกลุ่มคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ รับแจ้งจำนวน 4,242 คดี คดีที่รับแจ้งมากที่สุด คือ คดีลักทรัพย์ รองลงมาเป็นคดีทำให้เสียทรัพย์ พื้นที่รับแจ้งคดีลักทรัพย์มากที่สุด ได้แก่ บช.น. และ บช.ภ.1 ในห้วงเวลาที่เกิดเหตุระหว่างเวลา 12.01-18.00 น.

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า สำหรับคดีโจรกรรมจักรยานยนต์ รับแจ้งจำนวน 867 คดี พื้นที่รับแจ้งมากที่สุดได้แก่ บช.น. และ บช.ภ.2 ในห้วงเวลา ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น. ในพื้นที่ ถนน ตรอก ซอย, เคหสถาน และอาคารลานจอดรถ ยี่ห้อรถที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด คือ ฮอนด้า และยามาฮ่า ขณะที่คดีโจรกรรมรถยนต์ รับแจ้งจำนวน 126 คดี สถิติลดลง พื้นที่รับแจ้งมากที่สุด ได้แก่ บช.น., บช.ภ.1 และ บช.ภ.2 ในห้วงเวลา ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น. ในพื้นที่ ถนน ตรอก ซอย, เคหสถาน และอาคารลานจอดรถ ยี่ห้อรถที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด คือ โตโยต้า, อีซูซุ และนิสสัน นอกจากนี้ ตำรวจมีการจับกุมอาวุธปืนได้จำนวน 2,945 ราย จำแนกเป็นอาวุธปืนสงครามจำนวน 47 ราย, อาวุธปืนธรรมดาจำนวน 2,898 ราย, คดีการพนันจำนวน 4,107 ราย, คดียาเสพติดจำนวน 36,488 ราย, คดีค้าประเวณีจำนวน 1,630 ราย และคดีมีและเผยแพร่วัตถุลามกจำนวน 15 ราย

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากรกล่าวว่า ตำรวจได้วิเคราะห์สาเหตุและสถานการณ์แนวโน้มรายคดี พบว่าคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา รวมถึงคดีพยายามฆ่าผู้อื่น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทะเลาะวิวาท, ชู้สาว และเมาสุรา มีการใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะที่คดีทำร้ายร่างกาย พบว่ามีแนวโน้มคดีลดลง ปัจจัยที่ส่งผลทำให้เกิดคดี คือ ปัญหาการเมาสุรา ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท ส่วนคดีข่มขืนกระทำชำเรา พบว่ามีแนวโน้มคดีลดลง สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเรื่องชู้สาว, เมาสุรา และจิตวิปริต สำหรับคดีลักทรัพย์ พบว่ามีแนวโน้มคดีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคดีโจรกรรมรถจักรยานยนต์และคดีโจรกรรมรถยนต์ยังเกิดขึ้นสูง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กทม. และปริมณฑล ในขณะที่คดีชิงทรัพย์ พบว่ามีแนวโน้มคดีลดลง ส่วนคดีปล้นทรัพย์ พบว่ามีแนวโน้มคดีเพิ่มขึ้น ในห้วงเวลา ระหว่าง 18.00-24.00 น. และระหว่าง 00.01-06.00 น. โดยจะเกิดเหตุในพื้นที่สาธารณะ ถนน ตรอก ซอย และเคหสถาน ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของคนร้าย กลุ่มคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ เกิดขึ้นมากที่สุดในห้วงเวลา 18.00-24.00 น. สาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท เมาสุรา ชู้สาว และแก้แค้น ส่วนกลุ่มคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เกิดขึ้นมากที่สุดระหว่างเวลา 02.00-18.00 น. ในบริเวณพื้นที่ถนน ตรอก ซอย และเคหะสถาน และอาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดมากที่สุดคือ มีดและปืนพก สาเหตุมากจากการติดยาเสพติดและการพนัน

“จากข้อมูลสถานภาพอาชญากรรมในภาพรวมในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงที่ผ่านมาได้มีความเข้มในการปฏิบัติ แม้ทุกหน่วยจะต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมก็ตาม จึงส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนการปราบปรามอาชญากรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.สั่งการให้แต่ละหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรม และเร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง” รองโฆษก ตร.กล่าว และว่า ในเรื่องหมายจับคดีค้างเก่า ผบ.ตร. ได้อนุมัติโครงการบริหารจัดการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ขับเคลื่อนในรูปแบบศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุม หรือ Command and Control Operation Center หรือศูนย์ CCOC และได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบตามโครงการดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ได้สั่งการให้ บก.สืบสวนทุกหน่วยทั่วประเทศ ตรวจสอบหมายจับให้เสร็จสิ้นในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ หลังจากนั้นในช่วงกลางเดือน ธ.ค. ก่อนเทศกาลปีใหม่ จะระดมกวาดล้าง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าทั่วประเทศ

ด้าน พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันท์ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า จากการวิเคราะห์อาชญากรรมพบว่า คดีชิงทรัพย์ร้านทองในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาเกิดเหตุ 7 คดี สามารถจับกุมคนร้ายได้ 4 คดี ซึ่ง 2 ใน 3 คดีที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดกับร้านทองที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ที่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ หลังเกิดเหตุคนร้ายสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว ส่วนร้านทองที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้าที่มีการติดตั้งเครื่องกีดกั้น หรือมีระบบป้องกันตัวเองจะไม่มีเหตุเกิดขึ้น ขณะที่การชิงทรัพย์ธนาคารก็เช่นเดียวกัน พบว่าธนาคารที่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ มีระบบการรักษาความปลอดภัยจะไม่มีเหตุเกิดขึ้น หรือเมื่อมีเหตุก็สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น