ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษ “ร.ต.ท.เชาวริน” เหลือจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานหลอกเช่าจตุคามรามเทพไม่ผ่านพิธีปลุกเสก ชี้คดีมีผู้เสียหายเพียง 2 ราย จึงยังไม่เกิดความเสียหายในวงกว้าง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2084/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ หรือฉายา “โกโบริน” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2555 บรรยายพฤติการณ์จำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. - 30 มิ.ย. 2550 ต่อเนื่องกัน จำเลยบังอาจหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงที่ควรบอกแก่ประชาชน โดยจำเลยจัดทำแผ่นพับโฆษณา ประกาศลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 16 มิ.ย. 2550 เชิญชวนให้ประชาชนสั่งจองและซื้อวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา” ซึ่งจำเลยเป็นประธานกรรมการจัดสร้าง อ้างว่าปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นเท็จ
เพราะความจริงแล้วไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ทำให้มี ร.ต.นพดล เดชาฤทธิ์ ผู้เสียหาย จ่ายเงิน 1,791 บาท และนายสุริยาวุธ มีบุญมาก ผู้เสียหาย จ่ายเงิน 1,194 บาท ให้แก่จำเลย เหตุเกิดที่แขวงบรมมหาราชวัง, แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร จ.ราชบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ให้การรับสารภาพในชั้นศาล
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 343 วรรคแรก ฐานฉ้อโกงประชาชน ให้จำคุก 3 ปี แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษจำเลย คงจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี
ต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว เห็นควรให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยได้ โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท จากนั้นจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นประธานกรรมการจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา” โดยอ้างว่าได้ปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และศาลหลักเมือง ดังนั้นการที่จำเลยประกาศข้อความดังกล่าวทำให้ประชาชนทั่วไปกิดความศรัทธา จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง พฤติการณ์ของจำเลยจึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงต่อสังคม ที่ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษแก่จำเลยนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว ไม่มีเหตุให้ศาลอุทธรณ์เปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยจะไม่สมควรอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับคุณวุฒิและวัยวุฒิของจำเลยแล้ว แต่การกระทำของจำเลยไม่ปรากฏความเสียหายในวงกว้างกับประชาชน ซึ่งตามคำฟ้องมีผู้เสียหายเพียง 2 รายเท่านั้น โดยสูญเสียเงินรายละพันกว่าบาทเศษ ซึ่งจำเลยก็ได้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายแล้ว
ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 3 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าหนักเกินไป จึงเห็นควรแก้โทษให้เหมาะสม อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้จำเลยมีความผิดตามมาตรา 343 ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 12 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการโฆษณาจัดสร้างจตุคามนั้น ได้มีการระบุว่าจะจัดสร้าง 40,000 องค์ ให้เช่าราคาองค์ละ 199 บาท
ภายหลังญาติของร.ต.ท.เชาวริน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 2 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาตลอด ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับเมื่อคำนึงถึงโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท