โดยผู้กองตั้ง
เป็นข่าวที่ฮือฮาบนโลกโซเซียลเน็ตเวิร์กอีกหนึ่งคดี เมื่อช่วงดึกประมาณ 01.30 น.ของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.ท.ศรุต คำละออ พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เจ้าของคดี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงพลัดตกจากระเบียงหลังห้อง เลขที่ 807 ชั้น 8 อาคารไนท์แมนชั่น 2 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 24 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. อยู่ใกล้แยกเหม่งจ๋าย ไม่ไกลจากสถานทูตและสถานกงสุลลาวประจำกรุงเทพฯ และผู้หญิงคนดังกล่าวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการชันสูตรศพของแพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานในเบื้องต้นพบว่าร่างของหญิงผู้เสียชีวิตตกลงมาค้างที่ตะแกรงกันสาดเหล็กของชั้น 1 ใช้สำหรับกั้นของหล่น สภาพศพกระดูกต้นคอ และกระดูกสันหลังหักเพราะตกจากที่สูง และพบร่องรอยเป็นแผลถลอกที่แขนขวาและขาซ้าย
จากการขึ้นไปตรวจสอบห้องที่เกิดเหตุพบว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แต่พบคราบรอยเท้าปีนที่ปูนขอบระเบียงหลังห้อง และที่ราวเหล็กที่ปิดกั้นระเบียงพบลายนิ้วมือ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของผู้ตายหรือไม่
โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตในภายหลังคือ น.ส.ต่าย ดาวเฮือง “น้องแป้ง” หรือ “ต่าย ดาวเฮือง” สัญชาติลาว ตามชื่อในหนังสือเดินทางของเธอ มีอาชีพเป็นสาวบริการกลางคืนและทำงานอยู่ที่ร้านทานทอง จากการขยายผลสอบจนทราบว่าก่อนการเสียชีวิต ในห้องพักดังกล่าวนอกจากมี “ต่าย ดาวเฮือง” แล้วยังมี นายอำนาจ บุญช่วย อายุ 42 ปี หนุ่มเชียร์แขกที่ทานทอง และ น.ส.ขจีฟ้า ลีประโคน อายุ 43 ปี กัปตันดูแลลูกค้าที่ทานทอง ซึ่งเป็นภรรยาของนายอำนาจอยู่ในห้องที่เกิดเหตุด้วย
พนักงานสอบสวนจึงได้เรียกบุคคลทั้งสองมาปากคำจนได้ความว่า นายอำนาจซึ่งเป็นคนเชียร์แขกและมีความสัมพันธ์แบบชู้สาวกับ “ต่าย ดาวเฮือง” โดยอ้างว่าในวันเกิดเหตุมีอาการเมาเหล้าหลังจากเลิกงานได้โทร.หา น.ส.ต่ายซึ่งแอบคบหากันอยู่โดยที่ภรรยาของตนไม่ทราบ โดยนัดให้มาพบที่ไนท์แมนชั่น 2 โดยเปิดลงทะเบียนเข้าพักที่ห้องหมายเลข 807 ชั้น 8 เมื่อเวลา 00.30 น.ของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากพบกันแล้วตนได้เผลอนอนหลับบนโซฟา แต่ต้องตกใจตื่นเมื่อมีคนมาเคาะประตูห้องเสียงดังหลายครั้ง เมื่อตนไปมองที่ตาแมวพบว่า น.ส.ขจีฟ้า ภรรยาของตนเองมา จึงตกใจมาก ก่อนทำใจอยู่สักพักก่อนเปิดประตูห้องให้ น.ส.ขจีฟ้าเข้ามา ก่อนที่ น.ส.ขจีฟ้าจะเอะอะโวยวายใหญ่พร้อมกับเดินหารอบห้องก็ไม่พบใคร พบเพียงรองเท้าผู้หญิงวางอยู่ข้างเตียงจึงเอารองเท้าผู้หญิงขว้างใส่ตน
ตนจึงบอก น.ส.ขจีฟ้าให้กลับไปคุยที่บ้าน โดย น.ส.ขจีฟ้าเดินออกจากห้องไปก่อน ต่อมาตนตามลงไปทันกันที่บริเวณชั้นล่าง จึงทะเลาะกับภรรยาของตนอีกครั้ง ก่อนที่ น.ส.ขจีฟ้าจะซ้อนจักรยานยนต์เด็กในร้านทานทองไปส่งที่พัก ส่วนตนเดินกลับไปที่ทานทองไปเอารถยนต์ขับกลับที่พัก
เมื่อกลับถึงห้องเลขที่ 66 ชั้น 4 ทองประชาคอนโดมิเนียม ซ.ประชาอุทิศ 17 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. ห้องพัก กระทั่งประมาณเวลา 02.00 น.วันที่ 27 ก.ค. เพื่อนผู้ชายชื่อเล็กทำงานอยู่ที่เดียวกันโทร.มาบอกว่า น.ส.ต่ายกระโดดตึกตาย ตนจึงบอกเมียแล้วรีบมาดูที่เกิดเหตุ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบสวน โดยนายอำนาจยังบอกอีกว่า น.ส.ต่ายปกติพักอยู่ที่ไนท์แมนชั่นที่เกิดเหตุห้องเลขที่ 816 ชั้น 8 อยู่ห้องตรงข้ามห้องเกิดเหตุอยู่แล้ว เป็นเหตุบังเอิญที่ตนมาเปิดห้องตรงข้ามพอดี
จากการสอบสวน น.ส.ขจีฟ้า ให้การว่า หลังจากเลิกงานตนออกตามหานายอำนาจที่ไนท์แมนชั่น 2 เพราะรู้ว่านายอำนาจชอบส่งแขกมานอนที่นี่ เมื่อมาถึงก็ขอดูสมุดลงชื่อแขกที่มาพัก พบว่าอยู่ห้อง 807 ชั้น 8 ก่อนเรียกให้ รปภ.ตามตนขึ้นไปด้วย เมื่อไปถึงก็เคาะห้อง แต่นายอำนาจไม่ยอมเปิดประตูจึงบอกให้ รปภ.ไปเอากุญแจสำรองมา ก่อนที่ รปภ.จะเอากุญแจมาให้ นายอำนาจก็เปิดประตูออกมา ตนจึงเข้าไปในห้องหาผู้หญิงแต่ไม่พบ เจอแต่รองเท้าผู้หญิงจึงขว้างใส่นายอำนาจทะเลาะกัน จากนั้นก็ออกมาและมาทะเลาะกันข้างล่างอีกก่อนจะกลับที่พัก
ร.ต.ท.ศรุตกล่าวต่ออีกว่า ส่วนพยานซึ่งเป็นเพื่อนคนตายให้การว่า พวกตนรวมทั้ง น.ส.ต่ายอยู่ในห้อง 816 ชั้น 8 ของผู้ตาย น.ส.ต่ายมีอาการมึนเมาจากการดื่มเหล้า ระหว่างนั้นได้มีเสียงโทรศัพท์ให้ น.ส.ต่ายออกไปหา ต่อมาไม่นานก็ได้ยินเสียงผู้หญิงและผู้ชายทะเลาะกันเสียงดังที่ห้องฝั่งตรงข้าม แต่พวกตนก็ไม่สนใจ จนมาทราบเหตุอีกที่ว่ามีคนตกจากตึกเสียชีวิต จึงลงมาดูก็พบว่าเป็นเพื่อนของตนเอง โดยการสอบสวนทำคดีนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้สรุปสำนวน หลังเรียกนายอำนาจ และ น.ส.ขจีฟ้ามาทำการสอบสวน เพราะหลักฐานยังไปไม่ถึงว่าทั้งสองทำให้ น.ส.ต่ายเสียชีวิต ต้องรอผลการตรวจชันสูตรศพ และผลการตวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งรวบรวมพยานบุคคล ส่วนที่มีข่าวว่านายอำนาจให้เงินทำศพ น.ส.ต่ายไป 3 หมื่นบาทนั้น อาจเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องการช่วยเหลือผู้ตาย หากทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่สามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันที อีกอย่างทั้งนายอำนาจ และ น.ส.ขจีฟ้า ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
โลกสังคมออนไลน์ไม่เชื่อว่าบุคคลทั้งสองจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของ “ต่าย ดาวเฮือง” หากผู้เสียชีวิตจะคิดสั้นกระโดดตึกเอง อะไรคือแรงบันดาลใจให้กระทำเช่นนั้น...
อีกทั้งนายอำนาจที่อ้างว่าตัวเองเมาแล้วนอนหลับในห้องโดยไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เมาขนาดไหนเชียวจึงโทรศัพท์มานัดหมายแล้วเดินไปที่ห้องดังกล่าวถูกได้อย่างไร....
รวมทั้งประเด็นหลังทราบข่าวการเสียชีวิตแล้ว ถูกตำรวจเรียกตัวมาสอบ พร้อจัดแจงขอมอบเงินค่าทำศพให้กับทางญาติ “ต่าย ดาวเฮือง” 3 หมื่นบาท จึงยังเป็นที่กังขาของสังคม..?
เช่นเดียวกับ ประชาคมออนไลน์นครเวียงจันทน์ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กของชาวลาวในวันจันทน์ 28 ก.ค.นี้ ที่เรียกร้องให้ทางการไทยสืบสวนหาความยุติธรรมให้แก่ผู้ตาย หลังจากเพื่อนเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง ตำรวจติดตามผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำก่อนจะปล่อยตัวไป โดยเสนอค่าทำศพให้ 3 หมื่นบาท
โดยข้อความที่ปรากฏบนเฟซบุ๊ก พอจับใจความได้ว่า “?????????.. สาวสะหวันถูกผลักตกระเบียงจนเสียชีวิต...” เป็นหัวข้อสนทนาในเรื่องเดียวกันเว็บบล็อกสมาคมลาว
ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นมาของเรื่องนี้ ซึ่งบุคคลในข่าวคือ “น้องแป้ง” สาวชาวลาววัย 18 ปี หรือ “ต่าย ดาวเฮือง” ตามชื่อในหนังสือเดินทางที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ลงวันที่ 10 ส.ค. 2555 หรือ 3 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะแสดงให้เห็นว่าเธอได้เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามเนื้อความที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/lerdsak.janthien/posts/239091839635029 เหตุเกิดที่อพาร์ตเมนต์กึ่งโรงแรมหลังหนึ่งในย่านสี่แยกเหม่งจ๋าย ที่ผู้ตายเช่ารายวันๆ ละ 800 บาท และเข้าใจว่าเธอจะถูกผลักตกลงจากระเบียงที่ชั้นสูงของอาคารหล่นลงถึงพื้น ในเหตุการณ์ที่ประจักษ์พยานเล่าว่าได้เสียงเสียงทะเลาะวิวาทภายในห้องระหว่างชายคนหนึ่งกับหญิงอีกคนหนึ่งที่เป็นภรรยา ซึ่งตามไปพบฝ่ายชายอยู่กับผู้ตาย ก่อนที่คนทั้สองรีบนั่งแท็กซี่ออกไปหลังเกิดเหตุ
เพื่อนๆ ของผู้ตายได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง และติดตามสองสามีภรรยาไปให้ปากคำ โดยทั้งสองปฏิเสธการเกี่ยวข้องรู้เห็นใดๆ ในเรื่องนี้ พร้อมยินดีช่วยเงินค่าทำศพ 2-3 หมื่นบาท ก่อนจะถูกปล่อยตัวไป
ผู้ตายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการหาเงินส่งกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวในสะหวันนะเขต รวมทั้งส่งเสียให้น้องอีก 2 คนที่กำลังเรียน และเมื่อทราบข่าว บิดา-มารดาได้หยิบยืมเงินจากเพื่อนบ้านเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อรับศพ
“???????????????????? ??????????? ?????? ??? ????????????????????????????? ?????????????” เป็นบทสรุปที่มีการระบุชื่อสองสามีภรรยา ในเฟซบุ๊ก “โทรโข่งลาว” เว็บเพจที่เผยแพร่ข่าว และภาพเหตุการณ์เร่งด่วน และเหตุร้ายต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ มีผู้ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Kou Laostar ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการของสถานีโทรทัศน์ลาวสตาร์ ในนครเวียงจันทน์ ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กวันพุธ 30 ก.ค. เรียกร้องให้ประชาคมออนไลน์ช่วยกันแชร์ข่าวสารเพื่อระดมความช่วยเหลือแก่ครอบครัว “น้องแป้ง” หรือ “ต่าย ดาวเฮือง” โดยได้ติดต่อกับครอบครัว และเปิดบัญชีเงินฝากของธนาคารการค้าต่างประเทศลาว ที่แขวงบ้านเกิดไว้ให้ ในนามของบิดา คือ นายทานตาวัน ไซยะวงสา หมายเลขบัญชี 030 120000990826001
ผู้ดำเนินการเป็นสื่อกลางรายนี้กล่าวว่า ผู้ที่โอนเงินไปช่วยเหลือครอบครัวนี้ยังสามารถติดต่อกับบิดาของผู้ตายโดยตรงทางโทรศัพท์หมายเลข 020 55441852 และ 02 95928825 ซึ่งทำให้หลายคนเริ่มส่งเงินบริจาคได้ในวันเดียวกันโดยสื่อสารกันผ่านเฟซบุ๊ก
วันพุธเช่นเดียวกัน ประชาคมออนไลน์ชาวลาวยังคงถามไถ่กันเกี่ยวกับการสอบสวนสืบสวนกรณีนี้ หลายคนได้แลกเปลี่ยนข่าวสารจากรายงานของโทรทัศน์ไทย และรายงานจากเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ไทย ที่ให้ข้อมูลล่าสุดจากฝ่ายตำรวจ ที่สันนิษฐานว่า หญิงสาวชาวลาวเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ มิใช่การฆาตกรรม
อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงข้องใจในเรื่องนี้ และเรียกร้องให้สถานทูตลาวในกรุงเทพฯ ได้เข้ามีบทบาทเชิงรุกในการหาข้อเท็จจริง รวมทั้งการรักษาเยียวยาผู้ที่อยู่ข้างหลังด้วย เนื่องจากผู้ตายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการหารายได้จุนเจือครอบครัว.
ข่าวการเสียชีวิตของ “ต่าย ดาวเฮือง” สาวชาวลาว จึงตกเป็นที่กังขาไม่เพียงแค่ว่าจะเป็นการฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย แต่ได้ถูกขยายความออกไปถึงระดับความสัมพันธ์ทางการทูต เพราะไทยและลาวเป็นเหมือนบ้านพี่เมืองน้องกันมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไขประเด็นการเสียชีวิตความจริงให้กระจ่าง อย่าปล่อยให้คดี “ต่าย ดาวเฮือง” กลายเป็นน้ำผึงหยดเดียว ทำลายสัมพันธภาพที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวเลย...