ผลสอบคลิป ตร.ทำร้ายสาวมีมูล ย้ายนายดาบไปทำธุรการ-จับหนุ่มอ้างเป็น “เสธ.ตุ้ม” เคลียร์คดี

ผลสอบคลิปฉาว ตร. ทำร้ายสาวนักเรียนนอกบนโรงพักลาดกระบัง มีมูล ตั้งคณะกรรมสอบ ย้าย “ด.ต.หมวกแดง” ไปปฏิบัติหน้าที่งานธุรการชั่วคราว ย้ำให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จับช่างรับเหมาเพื่อนฝ่ายหญิง อ้างเป็น “เสธ.ตุ้ม” เคลียร์คดี แต่แค่ตักเตือนก่อนปล่อยตัวไป

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง กล่าวถึงความคืบหน้าจากกรณีที่มีคลิปทางโซเชียลมีเดียว่า ด.ต.หมวกแดง แก้วประเสริฐ ผบ.หมู่ (ป.) สน.ลาดกระบัง ได้ทำร้ายร่างกายหญิงสาวคนหนึ่ง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมในขณะนี้ ว่า พบว่ายังมีขัดแย้งในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เชื่อได้ว่ามีมูลทำร้ายร่างกายจริง จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนดาบตำรวจหมวกแดง ทั้งนี้ ได้รับรายงานสรุปผลการสอบถามคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีเจตนาที่จะทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ รวมถึงมีการปฏิบัติตามขั้นตอนในการใช้กำลังหรือไม่ ซึ่งระหว่างรอผลการสอบสวนได้ออกคำสั่งในทางปกครองให้ย้ายดาบตำรวจหมวกแดงไปปฏิบัติหน้าที่งานธุรการ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน แทนงานเสมียนประจำวันที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่จนกว่าจะสรุปผลการผลการสอบสวนแล้วเสร็จ

ส่วนในกรณีที่มีนายทหารยศ พ.ท. ชื่อ “เสธ.ตุ้ม” เดินทางมากับฝ่ายของหญิงสาวในคลิปวิดีโอ และขอให้ไม่เอาความกับหญิงสาวที่ทำร้ายตำรวจนั้น พ.ต.อ.คมสัน กล่าวว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าในคืนนั้น มีคนมาแสดงตัวเป็น เสธ.ตุ้ม จริง โดยเป็นการแอบอ้าง และทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายสุรเดช ปัททุมมา อายุ 43 ปี อาชีพรับเหมาทั่วไป ซึ่งในวันที่เกิดเหตุได้เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มของหญิงสาวในคลิป และได้มีการอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองชื่อ เสธ.ตุ้ม อยู่ที่ ร.11 สวมเสื้อแจ๊กเก็ตดำ กางเกงยีนส์ ไม่ได้แต่งกายในชุดทหารแต่อย่างใด โดยได้กล่าวขอโทษแทนหญิงสาวคนดังกล่าว และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าดำเนินคดี ซึ่งหลังจากถูกจับกุมนายสุรเดช ยอมรับว่า เหตุผลที่แอบอ้างเป็นทหารของหน่วยราบฯ 11 เนื่องจากเห็นว่า ทหารหน่วยนี้เป็นที่รู้จักและคิดว่าจะทำให้ตำรวจเกรงใจ ซึ่งนายสุรเดชได้ขอโทษกับการกระทำดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ร.11 รอ. ได้เดินทางมาที่ สน.ลาดกระบัง เนื่องจากเป็นการแอบอ้างและทำให้หน่วยงานเสียชื่อเสียง โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนจะเดินทางกลับ

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมว่ากล่าวตักเตือนนายสุรเดชก่อนปล่อยตัวไป เนื่องจากนายสุรเดชได้ทำการแอบอ้างเพียงเพื่อใช้ในการต่อรองและพูดคุยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย หรือเรียกร้องผลประโยชน์ที่มากกว่า แต่หากมีผู้พบว่านายสุรเดชมีการแอบอ้างลักษณะนี้ และทำให้เกิดความเสียหายในท้องที่อื่นก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้