xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจท่องเที่ยวเสม็ด ฟ้อง ปตท.พันล้าน ทำน้ำมันดิบรั่วลงสู่ทะเล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด จ.ระยอง
สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว เกาะเสม็ด ฟ้อง ปตท.ประมาทเลินเล่อ ทำน้ำมันดิบ 5 หมื่นลิตรรั่วไหลลงสู่ชายฝั่งมาบตาพุต ส่งผลกระทบต่อชายหาดเป็นระยะทางยาว 8 กม. ต้องใช้เวลาฟื้นฟูระบบนิเวศใหม่อีกราว 10 ปี เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท แม้จะมีความพยามเจรจาหลายครั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

วันนี้ (28 ก.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นางสุจารี เจริญผล อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด จ.ระยอง และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ประมาณ 10 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยฐานละเมิด และความผิดตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท

โดยคำฟ้องระบุว่า โจทก์เป็นสมาคมของกลุ่มเจ้าของ ผู้จัดการ ตัวแทนโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง บริษัทนำเที่ยว ผู้ประกอบอาชีพท่องเที่ยว ร้านค้าขายของที่ระลึกในเกาะเสม็ด จ.ระยอง มีสมาชิก 70 ราย มีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ เมื่อพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หรือรับแจ้งว่ามีภยันตรายแก่เกาะเสม็ดจากสิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดความเสียหายใดๆ สมาคมก็จะเป็นตัวแทนดำเนินคดีแทนสมาชิก ส่วนจำเลยเป็นบริษัทมหาชน

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2556 จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ คือ ขณะเรือบรรทุกน้ำมันของจำเลยได้ถ่ายน้ำมันดิบผ่านทุ่นรับน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของจำเลย ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่ว ห่างจากชายฝั่งมาบตาพุตไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กม. เกิดจากความประมาทของจำเลยซึ่งไม่ตรวจสอบประสิทธิภาพของท่อส่งน้ำมันให้มีสภาพใช้งานได้ปกติ และหลังจากน้ำมันดิบรั่วแล้ว พนักงานของจำเลยที่ควบคุมการขนถ่ายน้ำมันจากเรือไม่ตัดวาล์วเมื่อมีน้ำมันรั่วไหล ทำให้มีน้ำมันดิบรั่วกว่า 5 หมื่นลิตร เมื่อน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลระยอง จำเลยก็ไม่ได้แก้ไขเก็บกู้ทันทีและถูกต้อง เพราะใช้ทุ่นล้อมน้ำมันเป็นระยะทางที่สั้นมาก บางอันก็ขาด บางอันก็จม จึงไม่มีประสิทธิภาพ น้ำมันจึงกระจาจายออกไปกว่า 2 กิโลเมตร เป็นระยะทางยาว 8 กิโลเมตร ต่อมามีคลื่นลมแรง น้ำมันจึงทะลักเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2556 ระยะทางยาว 600 เมตร

หลังจากจังหวัดระยองประกาศให้เกาะเสม็ดเป็นเขตภัยพิบัติทางทะเล นายอนันต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทของจำเลยได้มีหนังสือแจ้งน้ำมันรั่วไหลในทะเลไปยังกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ และได้ใช้สารเคมี 2 ชนิดเพื่อกำกจัดคราบน้ำมัน โดยไม่แจ้งต่ออุทยานแห่งชาติ ไม่คำนึงว่าเป็นพื้นที่เขตอ่อนไหวทางธรรมชาติ ซึ่งสารเคมีที่ใช้มีผลต่อปะการัง สัตว์ทะเล ระบบนิเวศ ทั้งในระยะสั้นระยะยาว จำเลยไม่เคยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ เพิ่มจุลินทรีย์ จัดฝึกอบรมพร้อมรับมือภัย

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จำเลยไม่เคยให้ข้อมูลการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และสุขภาพประชาชน จึงไม่สามารถตรวจสอบการทำงานของจำเลยได้ โจทก์ทราบจากนักวิชาการสิ่งแวดล้อมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบจนเสียหายไม่ต่ำกว่า1,000 ล้านบาท และต้องใช้เวลาฟื้นฟูนาน 10 ปี แม้ชายหาดจะถูกทำความสะอาด แต่การฟื้นฟูทางระบบนิเวศยังต้องดำเนินต่อไป

ความเสียหายดังกล่าวได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหวาดกลัว ยกเลิกการมาเที่ยวเกือบหมด และส่งผลเป็นลูกโซ่ไปถึงโรงแรม ร้านค้ารถโดยสาร ผู้ค้า ซ้ำยังส่งผลเสียหายแก่แนวปะการัง ที่อ่าวปลาต้ม อ่าวน้อยหน่า นกและปลาตายไปจำนวนมาก เกิดการสะสมของปรอท จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท และจัดทำแผนแก้ไขปัญหาสิ่งปนเปื้อนในระยะสั้นระยะยาว และทำแผนมาตรการป้องกันน้ำมันรั่วไหล ศาลรับฟ้องไว้สืบพยานต่อไป

ภายหลัง นางสุจารี เจริญผล อุปนายกฯสมาคม กล่าวว่า เคยเข้าไปเจรจากับผู้แทน ปตท.หลายครั้งแต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน จึงเรียกประชุมสมาชิกแล้วมมีติให้ยื่นฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหายจะได้นำมาแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น