รอง ผบ.ตร.มอบนโยบายชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน สั่งจับตาอ่าวไทย-ทะเลภาคตะวันออก
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ปนม.ตร.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและมอบหมายภารกิจในงานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมี พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ศอ.1) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค.11) ในฐานะรอง ผอ.ปนม.ตร. และชุดปฏิบัติหาร ปนม.ตร.ร่วมประชุม
พล.ต.อ.สมยศไก้กล่าวชี้แจงทำความเข้าใจมอบหมายภารกิจแก่ชุด ปนม.เพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งกำชับขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ซึ่ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ได้มีการกำชับในเรื่องนี้เช่นกัน สำหรับฝ่ายปฏิบัติการทุกชุดขอให้เร่งรัดทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถภายในระยะเวลาที่จำกัด โดยให้ฝ่ายอำนวยการสนับสนุนทั้งงบประมาณ ยานพาหนะและอุปกรณ์อย่างเต็มที่ แล้วมาประเมินผลกันในเดือนถัดไป เจ้าหน้าที่ชุดนี้ส่วนใหญ่เคยทำงานด้านนี้มาแล้วดังนั้นมีข้อมูลที่สามารถทำงานปราบปรามได้ต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนของ ปนม.ตร.ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบถึงความผิดและบทลงโทษ เพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนี้จะมีการหาความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งส่วนของผู้ประกอบการ ภาครัฐ และภาคเอกชน ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือแจ้งเบาะแสการกระทำผิด เพื่อรวบรวมและตรวจสอบประเด็นปัญหาข้อขัดข้องจากการปฏิบัติงาน โดยระดมความคิดเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนจัดทำสรุปผลและข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับปรุงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ภารกิจของ ปนม.ตร.ที่จะต้องดำเนินการในระยะยาวต่อไปคือ การป้องกันการกระทำความผิดเป็นรูปธรรม
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนกำชับให้เน้นป้องกันการลักลอบน้ำเข้าน้ำมันเถื่อน และก๊าซปิโตรเลียมเหลว สร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้รายได้ในการจัดเก็บภาษีลดลง ตามที่ คสช.เน้นย้ำ โดยยืนยันนับจากนี้จะต้องไม่มีการลักลอบน้ำเข้าสิ่งเหล่านี้ และจะมีผลการจับกุมให้เห็นเป็นรูปธรรม สำหรับพื้นที่เป้าหมายที่ยังต้องเฝ้าระวังยังอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ อ่าวไทย และฝั่งตะวันออกในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด และจันทบุรี ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องดำเนินการขณะนี้เจ้าหน้าที่เกี่ยวมีข้อมูลแล้วทั้งหมด พร้อมระบุหากพบพยานหลักฐานว่าใครเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือนักการเมือง จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกลั่นแกล้ง ตามนโยบายของ คสช.