“วัชรพล” ตั้ง “สมยศ” หัวหน้า พงส.คลี่คดีอาวุธปืนสงคราม-ระเบิด พร้อมตั้งคณะกรรมการบริหารข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ย้ำให้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตร.ที่ 312/2557 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนกรณีจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธสงคราม ระเบิด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 เป็นต้นมา ทั้งนี้ หนังสือสั่งการระบุว่า นับแต่เดือนมีนาคมมีคดีเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว 10 คดีสำคัญ ล้วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงหลายพื้นที่ ยุ่งยากซับซ้อน เชื่อว่ามีการกระทำในรูปขบวนการ มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลดำเนินการ หรือให้การสนับสนุน คดีอยู่ในความสนใจของประชาชนและหน่วยงานราชการ และยังกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร เพื่อให้การสืบสวนสอบสวน ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ผบช.ภ.1 เป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนสอบสวน พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.เป็นรองฯ และ พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 เป็นรองฯ
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า ได้เชิญ ภ.1 มาหารือ วางแนวทางสืบสวนสอบสวนคดีแล้ว โดยจะเชิญตัวแทนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าร่วมทำคดีด้วย ที่ผ่านมาทุกคดีทำอยู่แล้ว ทั้งนี้สั่งการเดินหน้าทุกคดีอย่างรอบคอบรัดกุม เร่งรัด
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตร. ที่ 311/2554 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อสถาบันพระหากษัตริย์ ใจความว่า พบมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไม่เหมาะสม กระทบสถาบันฯและความมั่นคง จึงตั้งคณะกรรมการบริหารข้อมูลข่าวสารที่มีลักษณะไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อสถาบันพระหากษัตริย์ โดยมี ผบ.ตร.เป็นประธานกรรมการ รอง ผบ.ตร.หรือที่ปรึกษา (สบ 10) งานความมั่นคง เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รอง ผบ.ตร.หรือที่ปรึกษา(สบ1)งานกฎหมายและคดี เป็นรองประธาน คนที่ 2 มี ผบช.สันติบาล นครบาล สอบสวนกลาง สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานยุทธศาสตร์ตำวจ สำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ ผบก.กองปราบปราม กองการต่างประเทศ สันติบาล กองกฎหมาย เป็นกรรมการ ฯลฯ โดยมีอำนาจตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ที่เนื้อหาไม่เหมาะสม กระทบสถาบันฯ ในสื่อทุกแขนง ทั้งทางออนไลน์ สิ่งพิมพ์ สื่อมวลชน หรือการรับแจ้งผ่านช่องทางต่างๆ โดยให้มีอำนาจเสนอระงับการแพร่ตามกฎหมาย และกำหนดมาตรการป้องกัน ทั้งนี้ให้ดำเนินตามกฎหมายกับผู้ครอบครอง ให้บริการ แพร่ ส่งต่อ หรือเกี่ยวข้องใดๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในกรณีที่มีหลักฐานชัดว่ามีการกระทำผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ให้สั่งการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด