“วัชรพล” ปล่อยแถวระดมกลาดล้างอาชญากรรม

รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีปล่อยแถวตำรวจ บก.น. 1-9 กวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่นครบาล

วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร. รรท ผบช.น. ผู้บังคับบัญชาสังกัด บช.น. ตั้งแต่ระดับรองผู้การขึ้นไป ข้าราชการตำรวจ 1,488 นาย ข้าราชการ กทม. 50 นาย ภาคประชาชน 136 นาย รถยนต์ 81 คัน รถจักรยานยนต์ 100 คัน และหน่วยสนับสนุนชุด EOD 2 ชุด และชุดปฏิบัติการสุนัขตำรวจ 2ชุด เจ้าหน้าที่รวม 21 นาย ทั้งนี้รวมกำลังพลทั้งสิ้น 1,674 นาย

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เมื่อมีการรณรงค์ในการปราบปรามอาชญากรรม การตั้งด่านตรวจก็จะสามารถที่จะช่วยเราในการป้องกันอาชญากรรมได้ รวมถึงจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความอุ่นใจ และสำหรับผู้ที่จะมาก่อเหตุกระทำความผิดก็จะเกิดความเกรงกลัวตำรวจ และอาจจะไม่กล้ากระทำความผิดซึ่งประชาชนให้ความร่วมมือกับตำรวจได้ดีมาก เพราะจะเห็นได้จากการปราบปรามอาชญากรรมของ บช.น. ในช่วงที่ผ่านมาแทบจะไม่มีคดีที่สำคัญเกิดขึ้นเลย ถือว่าเมืองที่มีประชาชนอาศัยอยู่เกือบ 10 ล้านคน และมีตำรวจเพียง 2 หมื่นนาย มีการควบคุมอาชญากรรมที่ลดลง และได้ผลอย่างมากจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน สามารถทำให้การควบคุมอาชญากรรม ในตอนนี้ที่มีผู้คนมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็มีหลายองค์ประกอบที่ทำให้การทำงานของตำรวจประสบความสำเร็จ และในวันนี้ทางด้านตำรวจมีความเข้มแข็งขึ้นอาจจะมีกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อควบคุมสถานการณ์ซึ่งตรงนี้เองสามารถทำให้ตำรวจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณการซื้อปืนในขณะนี้ ยังไม่เห็นการซื้ออาวุธที่ผิดปกติแม้แต่อย่างใด ซึ่งจากการที่ได้คุยกับผู้บังคับบัญชาในขณะที่เดินไปตรวจเยี่ยมพบว่าอาวุธปืนที่ใช้นั้นจะเห็นได้ถึงความแตกต่างของอาวุธปืนที่ใช้ และเชื่อว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนมีอาวุธปืนส่วนตัวร้อยละ 90 และปืนของทางราชการเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งจากการคุยกับ รรท ผบช.น. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีความท้าทายอย่างมาก ที่จะทำอย่างไรให้อาวุธปืนที่ใช้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเมื่อเขาแต่งเครื่องแบบ อาวุธปืนที่พกพานั้นก็เพื่อไว้ปกป้องพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกัน การฝึกการสนับสนุนเรื่องเครื่องกระสุนปืนหรือแม้กระทั่งอาวุธปืน ซึ่งหากปืนอยู่ในมาตรฐานเดียวกันเวลามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เราก็สามารถพิสูจน์ทราบได้หมด ซึ่งเราก็อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตาม การซื้ออาวุธปืนเสื้อเกราะถึงแม้ว่าราคาอาจจะแพงแต่มันก็เพื่อป้องกันเสียชีวิตของเขาเวลาเขาบาดเจ็บเสียชีวิต เงินที่ราชการต้องชดเชยให้เขาเป็นล้าน ฉะนั้นมันจึงไม่คุ้ม สิ่งสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่คือความปลอดภัยเพราะเขายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล แต่ยังไม่เห็นการซื้อปืนที่เป็นนัยสำคัญ