xs
xsm
sm
md
lg

บช.น.สรุปผลระดมกวาดล้างคดีฉ้อโกงรับ AEC ให้แต้มตำรวจจับกุม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รอง ผบช.น.สรุปผลการจับกุมคดีฉ้อโกงตามหมายจับทั่วพื้นที่ บช.น.จำนวน 3,385 หมายจับ ได้ผู้ต้องหา 331 คน 475 หมายจับ สั่งระดมการกวาดล้างจับกุมแก๊ง 18 มงกุฎรูปแบบต่างๆ ทุกพื้นที่ เตือนภัยประชาชนรู้เท่าทันเล่ห์กลรับมือ AEC พร้อมให้คะแนนตำรวจขยันจับกุม

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (25 ก.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล ถนนศรีอยุธยา พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. เป็นประธานพิธีปิดโครงการพัฒนาระบบการจัดเก็บฐานข้อมูลอาชญากรรมและการสร้างเชื่อมโยงเครือข่ายงานสืบสวนเชิงรุกในสังกัด บช.น.เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับ AEC โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั่ว บช.น.เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง

พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า วันนี้เป็นสรุปผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมประเภทฉ้อโกง ซึ่งต่อไปทางชุดสืบสวนก็จะเน้นเรื่องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ สำหรับคดีฉ้อโกงทั่วทั้งบช.น.นั้นมีหมายจับทั้งสิ้น 3,385 หมาย จากการระดมกวาดล้างตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ (25 ก.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 331 คน 475 หมายจับ โดยแบ่งเป็น ทาง บก.น.1 จับกุมได้ 41 คน 114 หมายจับ, บก.น.2 จำนวน 44 คน 66 หมายจับ, บก.น.3 จำนวน 23 คน 42 หมายจับ, บก.น.4 จำนวน 24 คน 27 หมายจับ, บก.น.5 จำนวน 36 คน 42 หมายจับ, บก.น.6 จำนวน 31 คน 31 หมายจับ, บก.น.7 จำนวน 23 คน 25 หมายจับ, บก.น.8 จำนวน 30 คน 31 หมายจับ, บก.น.9 จำนวน 39 คน 45 หมายจับ และทาง บก.สส.บช.น.24 คน 30 หมายจับ โดยการจับกุมครั้งนี้จะมีการให้คะแนนกับชุดจับกุมด้วย โดยถ้าจับคนร้ายได้จะได้ 2 คะแนน หากร่วมกับ สน.อื่นจับจะได้ 1 คะแนน และถ้ามีการอายัดตัวตามหมายจับท้องที่เกิดเหตุก็จะได้ 0.5 คะแนน ซึ่ง บก.น.1 มีคะแนนมากที่สุด 200 คะแนน บก.น.2 ได้ 120 คะแนน และบก.น.5 ได้ 70 คะแนน

พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้สรุปว่า กลุ่มคนร้ายคดีฉ้อโกงมีพฤติกรรมการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตกพระ เปิดบริษัทหลอกว่าจะส่งสินค้าแล้วเชิดเงินไปหรือหลอกลวงขายสินค้าในอินเทอร์เน็ต โดยขบวนการลักษณะฉ้อโกงมีความเชื่อมโยงกัน คนร้ายบางรายรับโทษแล้วเมื่อถูกปล่อยตัวออกมาอาจมีการก่อเหตุซ้ำอีก หรือบางรายได้รับการประกันตัวออกมา เจ้าหน้าที่จะทำการกวาดล้างต่อไป จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระวังและตระหนักว่ายังมีคนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอยู่

คดีที่น่าสนใจของ สน.บางโพงพาง โดย พ.ต.ท.วีระพันธ์ ณ ลำปาง สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน สามารถจับกุมตัวนายศุทธา ทองศรีเกตุ หรือใหญ่ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ 323/2552 ลงวันที่ 19 มิ.ย. 2552 ข้อหาฉ้อโกง โดยสามารถจับกุมได้ที่อู่ซ่อมรถหน้าวัดทองบน ถนนพระราม 3 แขงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. นายศุทธามีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายอ้างว่านำรถไปติดตั้งแก๊สและเปลี่ยนเครื่องยนต์ได้ มีคนหลงเชื่อมอบรถและเงินจำนวน 50,000 บาทให้ผู้ต้องหา ต่อมานายศุทธาเอาเครื่องยนต์ไปขายในราคา 170,000 บาทก่อนหลบหนีไป

คดีที่ 2 สามารถจับกุมนายอนุกร อุดมรัตน์ อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 270/2557 ลงวันที่ 22 เม.ย. 2557 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 49/329 หมู่บ้านอรุณธรณ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม.

พ.ต.ท.วีระพันธ์กล่าวต่อว่า นายอนุกรมีพฤติการณ์ร่วมกับพวกอ้างตนว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงสามารถนำทองคำจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ออกมาจำหน่ายได้ มีคนหลงเชื่อมอบเงินให้เป็นจำนวน 2 ล้านบาทก่อนเชิดเงินหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมผู้ต้องหาก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น