รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่ตรสวจบ่อขยะแพรกษา เผยพื้นที่บ่อขยะในสมุทรปราการปิดไปแล้ว 1 จุดคือที่แพรกษา ด้านเจ้าของเร่งปรับแก้ปัญหาจัดเวรยามเฝ้า 24 ชั่วโมงป้องกันผู้มาลักลอบทิ้งขยะอีก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 ก.ค.) นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายสมศักดิ์ พัวพันธ์ ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่บริเวณบ่อขยะแพรกษาซอย 8 ใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางปู ม.4 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังเกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 57 ที่ผ่านมา พร้อมร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นเห็นการแก้ไขและการดำเนินการในการกำจัดปัญหาขยะของจังหวัดสมุทรปราการ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลแพรกษา
นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้การจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเบื้องต้นจะต้องเร่งแก้ปัญหาขยะเก่าที่กองสุมอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ จะต้องดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ว่าจะต้องปิดบ่อ ทำการไถกลบ หรือนำออกไปกำจัดในโรงงานที่รับกำจัดขยะที่ได้มาตรฐานก่อนจะดำเนินการในระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาขยะ ซึ่งหากราชการไม่มีศักยภาพเพียงพออาจจะต้องให้เอกชนที่มีความพร้อมเข้ามาดูแลแทนแต่ต้องมีการประสานงานร่วมกัน
ในส่วนของบ่อขยะจังหวัดสมุทรปรการมี 3 แห่ง ทางจังหวัดได้ทำการปิดแล้ว 1 แห่ง คือ ที่แพรกษา ส่วนของพื้นที่ ม.5 ต.แพรกษาใหม่ และ ม.9 ต.บางปลานั้น ขณะนี้เจ้าของบ่อซึ่งเป็นเอกชนได้ดำเนินการปรับปรุง ลดกองขยะเก่าที่สูงให้ลดลง สำหรับการดูแลไม่ให้เกิดเหตุนั้นได้มีการพูดคุยกับเจ้าของบ่อทราบว่าได้ดำเนินการก่อสร้างกำแพงปูนเพื่อปิดกั้นไม่ให้คนลักลอบเข้าไปทิ้งและจัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งทางท้องถิ่นก็ได้จัดรถน้ำและเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังด้วย
ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้นต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะต้องมีการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยให้ประชาชนชนคัดแยกขยะจากครัวเรือน หลังจากนั้นจะต้องสร้างโรงงานกำจัดขยะ หรือนำขยะที่มีไปกำจัดอย่างไรก็คงต้องวางแผนกันอีกครั้ง จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้จะนำข้อมูลที่ได้เข้าหารือกับอธิบดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางในการจัดการปัญหาขยะแบบยั่งยืน
