“สุเทพ-อำนวย” เบิกความไต่สวนมูลฟ้องคดีฟ้องหมิ่น “ธาริต เพ็งดิษฐ์” กล่าวหาทุจริตจัดซื้อจัดจ้างก่อสร่างโรงพัก ศาลนัดสืบพยานอีกครั้ง 15 ก.ย.นี้
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี 1940/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเป็นบริษัท มติชน และข่าวสด และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน และข่าวสด ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
จากกรณีเมื่อระหว่าง วันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค. 2556 นายธาริตแถลงข่าวว่านายสุเทพ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ให้เปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ โดยให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว ทำให้บริษัทที่ประมูลได้เกิดปัญหาไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามสัญญา
โดยในวันนี้ฝ่ายโจทก์นำพยานขึ้นเบิกความ 2 ปาก คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ปฏิบัติหน้าที่รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ
โดยในช่วงเช้าวันนี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน เบิกความถึงหลักเกณฑ์ในการแถลงข่าวตามกฎหมายว่าจะต้องเป็นการแถลงข้อเท็จจริง ไม่ใส่ความ ไม่เปิดเผยความลับในสำนวน หรือแสดงความคิดเห็น ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใด แต่การแถลงข่าวของนายธาริตมีลักษณะใส่ความนายสุเทพ เพราะนายสุเทพไม่ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขให้รวมสัญญาการประมูล แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ร้องขอให้รวมสัญญารายภาค เป็นส่วนกลาง ประกอบกับนายธาริตระบุว่าคดีดังกล่าวเป็นความผิดชัดเจน ถือเป็นการแถลงข่าวใส่ความโจทก์ และถือเป็นการนำความลับในคดีซึ่งเป็นความลับของทางราชการมาเผยแพร่อีกด้วย อีกทั้งผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบสอบสวนในคดีนี้ควรเป็นคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายธาริตไม่ใช่พนักงานสอบสวนโดยตรงจึงไม่ควรแถลงข่าว
ต่อมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เบิกความว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 แถลงข่าวว่าตนได้เข้าไปแทรกแซงและเปลี่ยนวิธีการประกวดราคาก่อสร้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจผิดไปจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงปี 2552 นายธาริตแถลงว่าเป็นช่วงรัฐบาลยุคสมัยของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และจำเลยที่ 2-5 ได้นำข้อความเหล่านั้นไปตีพิมพ์เผยแพร่ ทั้งที่ข้อเท็จจริง มติ ครม.ดังกล่าวเป็นยุคสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาล ทั้งที่นายธาริตเองก็ทราบอยู่แก่ใจ แต่ก็ยังมีการแถลงข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงในส่วนนี้ และยังมีการกล่าวหาว่าตนได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือการฮั้วประมูล และกระทำผิดร่วมกับนายอภิสิทธิ์ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ป.อาญา มาตรา 157 โดยจำเลยยังแถลงข่าวยืนยันมีหลักฐานชัดเจนว่ามีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงล้วงลูก เปลี่ยนจากการเสนอรายภาคให้มีการเสนอราคารวมเป็นรายเดียว ทั้งที่ขณะนั้นการสอบสวนของดีเอสไอยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องแถลงข้อความดังกล่าว การแถลงข่าวของนายธาริตที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น จึงเป็นการชี้นำพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลย อันเป็นเหตุให้ตนได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ภายหลังเบิกความเสร็จแล้ว ทนายความโจทก์แถลงขอศาลเลื่อนการไต่สวนออกไปอีกครั้ง เนื่องจากยังต้องรอเอกสารสำคัญ ศาลสอบถามฝ่ายจำเลยไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานนายสุเทพ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องออกไปเป็นวันที่ 15 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น.