xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง “เก่ง-การุณ” ฟ้องหมิ่น “อ.สมเกียรติ” ‏

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องคดี “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ถูก “เก่ง-การุณ โหสกุล” อดีต ส.ส.เพื่อไทย ฟ้องหมิ่นกล่าวหาเป็นพวกอันธพาล ศาลชี้โจทก์ไม่นำพยานมาเบิกความ และขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุจำเป็น

ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 มิ.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2092/2551 ที่นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2551 จำเลยแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภาต่อสื่อมวลชน ทำนองว่าโจทก์เป็นพวกอันธพาล มีอิทธิพลเหนือสภา ทำให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2556 ให้ยกฟ้องโจทก์ เนื่องจากระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น โจกท์ได้มอบหมายให้ทนายขอเลื่อนคดีถึง 2 ครั้ง โดยไม่มีเหตุจำเป็นและสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาและแพ่ง ศาลจึงให้งดการสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ซึ่งศาลเห็นว่าคดีเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้จึงพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งยกคำพิพากษาที่ยกฟ้องดังกล่าว โดยให้ส่งสำนวนย้อนกลับมาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาใหม่

ในวันนี้นายการุณ โหสกุล โจทก์ได้มอบอำนาจให้เสมียนทนายความมาศาลฟังคำพิพากษาแทน ขณะที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง พร้อมกับเสมียนทนายความ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นเคยมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ขอเลื่อนคดีลักษณะประวิงเวลาโดยไม่นำพยานมาสืบ ต่อมาเมื่อยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ขอให้ส่งสำนวนกลับให้ศาลชั้นต้นพิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากยังไม่ได้สืบพยานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่าเมื่อย้อนสำนวนกลับมาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้วมีการนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 15 ก.พ.และวันที่ 1 มี.ค. 2556 โจทก์ก็ขอเลื่อนสืบพยานออกไปอีก โดยอ้างเหตุติดภารกิจประชุมสภา กระทั่งศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยอีกครั้งในวันที่ 11 มิ.ย.และวันที่ 12 มิ.ย. 2556 แต่ทนายความโจทก์ได้แถลงด้วยวาจาขอเลื่อนสืบพยานอีกเป็นครั้งที่ 2 อ้างเหตุว่าโจทก์มีอาการเครียดไม่สามารถเดินทางมาเบิกความที่ศาลได้ เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งให้ตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีนั้น เป็นเพียงการแถลงด้วยวาจา ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่ามีอาการเครียดเพียงใดจนถึงขนาดทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจนไม่สามารถมาเบิกความได้

การพิจารณาจะให้เลื่อนคดีได้หรือไม่ ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 บัญญัติให้ศาลเลื่อนการพิจารณาได้ด้วยเหตุ สืบเนื่องจากความจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่กรณีของโจทก์ ไม่มีหลักฐานที่แสดงได้ว่ามีอาการเจ็บป่วยมากเพียงใดจนเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ ประกอบกับทนายความจำเลยได้คัดค้านการขอเลื่อนพิจารณาดังกล่าว ซึ่งการขอเลื่อนลักษณะประวิงเวลา ที่ศาลชั้นต้นได้งดนัดสืบพยานเพราะโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โดยคดีเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ซึ่งให้ยกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นว่าวินิจฉัยโดยชอบแล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน




กำลังโหลดความคิดเห็น