ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก “เสธ.น็อต ” 41 ปี ปรับเงิน 3 ล้านบาท ฐานร่วมกับลูกน้องค้ายาไอซ์ ศาลชี้ที่จำเลยอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นฟังไม่ขึ้น
ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (3 ก.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อย.2154/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ชานนท์ หรือเสธ.น็อต ชิณวงศ์ อายุ 49 ปี อดีตนายทหารประจำ บก.ทหารสูงสุด ช่วยราชการส่วนหน้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา, นายสุขุม หรือเบียร์ เจือแจ่มจันทร์ อายุ 37 ปี และนายวิฑูรย์ หรือผู้ใหญ่ฑูรย์ นิยกิจ อายุ 50 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย, จัดหาที่พำนัก หรือที่ซ่อนเร้นเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้กระทำผิด, เสพยาเสพติด มีเมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน (ยาอี) ไว้ในครอบครอง ตามความผิดพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 20 ก.พ. - 11 เม.ย. 2550 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการทหาร จำเลยที่ 3 ที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน กับพวกที่ถึงแก่ความตาย ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) 7 ถุง น้ำหนัก 12.772 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายยาไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 1.010 กรัมให้สายลับที่ล่อซื้อในราคา 6,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหาห้องเลขที่ 305 เดอะลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่อให้ความสะดวกในการมั่วเสพยาไอซ์ และเป็นที่ประชุมสำหรับตกลงในการนำยาเสพติดไปจำหน่าย และจำเลยที่ 1 ยังมียาอี 1 ซอง น้ำหนัก 0.250 กรัม และร่วมกันเสพ ซึ่งเจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสามพร้อมได้ยาไอซ์ อุปกรณ์การเสพ โทรศัพท์มือถือเป็นของกลาง นอกจากนี้จำเลยที่ 2 ยังปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อีกด้วย
ศาลชั้นต้นมีพิพากษาเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2552 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาไอซ์เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย และร่วมกันเสพยาเสพติด คนละ 58 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกไว้สูงสุดจำเลยที่ 1 และ 3 ไว้คนละ 50 ปี และปรับคนละ 3.6 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันมียาไอซ์ เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย, ฐานเสพยาเสพติด, ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 15 ปี 18 เดือน และปรับ 900,000 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 30 ปี และปรับคนละ 2 ล้านบาท ฐานร่วมกันมียาไอซ์ไว้เพื่อครอบครองและจำหน่าย และจำคุกอีกคนละ 10 ปี และปรับคนละ 1 ล้านบาท ฐานร่วมกันจำหน่ายยาไอซ์ รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 41 ปี และปรับคนละ 3 ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลดโทษให้เพียง 1 ใน 4 ของทุกกระทงความผิดนั้นน้อยเกินไป เมื่อคำให้การของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก จึงเห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามทุกกระทงความผิด โดยให้จำคุกจำเลยที่ 2 รวม 4 กระทง เป็นเวลา 13 ปี 20 เดือน และปรับ 800,000 บาท จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลยกฟ้อง อ้างว่าไม่ได้กระทำผิดและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
สำหรับ พ.ต.ชานนท์ หรือเสธ.น็อต จำเลยที่ 1 ยังเป็นนักโทษคดีเด็ดขาดในคดีหมายเลขดำที่ อ.2419/2550 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2556 ให้ประหารชีวิตฐานร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน จากเหตุยิงปะทะระหว่างพวกจำเลยกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่เข้าจับกุมที่เดอะ ลิฟวิ่งรูม อพาร์ตเมนต์ ย่านห้วยขวาง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2550 ทำให้ ด.ต.มาโนช ศรีละคร และ ส.ต.ท.ไสว อาจหนองหว้า ถูกยิงเสียชีวิตขณะเข้าจับกุม ส่วนนายสุขุม และนายวิฑูรย์ จำเลยที่ 2-3 ให้ยกฟ้อง