สน.พระอาทิตย์
กำลังกลายเป็นประเด็นเดือดปุดๆ ในแวดวงสีกากี ที่มีต่อ “ขุนทหาร” ณ เวลานี้ เนื่องจากภาพคลิปวิดีโอขณะ พล.ต.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จทบ.น่าน ตำหนิ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงกลาง จ.น่าน อย่างรุนแรง
ทหารฉีกหน้าตำรวจครั้งนี้ไม่ได้ทำกันเงียบๆ หรือด่าว่าสั่งสอนแล้วจบไป แต่มีการนำคลิปวิดีโอมาโพสต์แชร์ในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง จงใจปล่อยภาพและเสียงออกมาประจานกันทางสังคม ไม่ไว้หน้า
จนคนสีกากีทั้งน้อยใหญ่ในกรมปทุมวัน ตั้งแต่ระดับนายพล นายพัน ผู้หมวด ผู้กอง จ่า ดาบ ต่างรู้สึกโดน “หมิ่นศักดิ์ศรี” อย่างแรง!!!
เป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีย่ำยีหัวใจตำรวจ เพราะนายตำรวจที่ถูกตำหนิและถูกนำมาประจานผ่านคลิปเป็นถึงนายตำรวจชั้นบริหาร ระดับ “พ.ต.อ.” มีตำแหน่งเป็น “หัวหน้าหน่วย” ซึ่งหากทำผิดทำพลาด หรือมีความบกพร่องต่อหน้าที่ก็มีกฎ มีระเบียบในการลงโทษลงทัณฑ์ตามขั้นตอน
ภาพและเรื่องราวในคลิปที่ปรากฏ เกิดขึ้นขณะที่ พล.ต.วิจักขฐ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกค้นเป้าหมายต้องสงสัยทำไม้เถื่อน เล่นการพนัน ตามที่ได้รับการร้องเรียนผ่านตู้ ป.ณ. 555 ซึ่งเป็นไร่พิมานมาศรีสอร์ทของ ด.ต.สมบูรณ์ แก้โถ ตำรวจสังกัดโรงพักเชียงกลาง พบของผิดกฎหมายจำนวนมาก
ไม้หวงห้ามที่แปรรูปแล้วกว่า 500 แผ่น เลื่อยวงเดือน 1 แป้น รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 9 คัน ปืนสั้น 3 กระบอก ปืนลูกซอง 2 กระบอก พร้อมกระสุนลูกซอง 10 นัด กระสุนปืน M16 จำนวน 28 นัด ปืนลูกโม่ 2 กระบอก ปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก แม็กกาซีน M16 จำนวน 1 อัน อุปกรณ์เล่นการพนัน และโพยหวยเถื่อน (หวยใต้ดิน) เอกสารการรับจำนำสิ่งของอีกหลายรายการ และเงินสด 9,000 บาท
แต่สิ่งสำคัญคือบทสนทนาระหว่าง พล.ต.วิจักขฐ์ ถามตำรวจในท้องที่ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินคดีกับผู้ต้องหานานนับชั่วโมง โดยมีการต่อว่าผู้กำกับฯศักดิ์ศรีถึงกับหน้าเจื่อนที่มาจุดเกิดเหตุแล้วไม่เอาตำรวจมาด้วย
“ถามตรงๆ เค้าดูแลท่านเดือนเท่าไหร่”
“ที่เขาไม่แจ้งผู้กำกับก่อน นายอำเภอก่อน เพราะเขารู้อะไรเป็นอะไร อะไรอยู่ข้างใน พวกขยะใต้พรม เพราะที่เขาร้องเรียนไปเขาก็บอกก่อนเลยว่า อย่าแจ้งตำรวจ ไม่งั้นก็จะไม่เจออะไร ก็จะเจอแต่ความสวยงาม”
ถ้อยคำ พล.ต.วิจักขฐ์ ที่ปรากฏอยู่ในคลิปและสะพัดอยู่ในโลกโซเชี่ยลขณะนี้
ล่าสุด พล.ต.ต.ณรงค์ชัย วงษ์สามี ผู้การฯน่าน เซ็นคำสั่งย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้อง 5 นาย คือ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงกลาง สว.สส.สภ.เชียงกลาง สารวัตรฝ่ายปราบปราม พนักงานสอบสวนชำนาญการ และสารวัตรฝ่ายสืบสวน ไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน เป็นเวลา 15 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ฐานปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่
แม้กติกาตำรวจที่ต่างยอมรับการถูกจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งไม้เถื่อน บ่อนการพนัน ในพื้นที่เจ้าของพื้นที่ต้องถูกช่วยราชการตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจยอมรับไม่ได้คือ การโดนประณามทางสังคมแบบตบหน้ากันฉาดใหญ่ ความรู้สึกไม่พอใจ “ขุนทหาร” เลยคุกรุ่นขุ่นมัว
เหตุการณ์นี้เหมือนรอยร้าวถูกตอกลิ่มให้ขยายความลึกความกว้างขึ้น
ถึงจะมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ออกอาการฉุนลูกน้องที่ไปแสดงคำพูดหยามตำรวจเช่นนั้น จนต้องสั่งให้แม่ทัพภาค 3 ไปกระตุกชายเสื้อ พล.ต.วิจักขฐ์ ให้สงบปากสงบคำ เพราะไม่อยากเกิดความบาดหมางระหว่างเหล่าทัพด้วยกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศการเรียกร้องสมานฉันท์ทุกกลุ่มก้อน แต่ก็ดูจะไม่ทำให้ทัพสีกากีลดโทนความไม่พอใจที่คุกรุ่นลงไป
ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่การเข้ามาของทหารในการยึดอำนาจบริหารประเทศ ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบชื่นชมจาก “ตำรวจ” เท่าไหร่นัก เนื่องจากในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณ ตำรวจได้รับบทบาทความสำคัญ เป็นไม้เป็นมือในการทำงานมาตลอด จนทำให้ “รัฐตำรวจ” กลับมาคุกคามประชาชนคนไทยอีกครั้งในระหว่างตระกูลชินวัตรครองอำนาจ
พอท็อปบูตเข้ามาบทบาทของตำรวจก็ลดน้อยถอยลง และยังตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งความเลวทรามในด้านการอำนวยความเป็นธรรม และหากินรีดไถกับธุรกิจสีดำและสีเทา อย่างเช่น บ่อนการพนัน ตู้ม้า ตู้เกม จนกระทั่งบางคนอยู่เบื้องหลังขบวนการค้ายาเสพติด
หลังการรัฐประหาร อำนาจหน้าที่ “ตำรวจ” ที่เกี่ยวข้องคาบเกี่ยวกับผลประโยชน์ยังถูก “ทหาร” เข้ามาดำเนินการจัดระเบียบใหม่ กวาดล้างตัดท่อน้ำเลี้ยงสีกากีนอกแถวที่เคยๆ เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบ่อนพนัน โต๊ะบอล ตู้ม้า แม้กระทั่ง วินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถตู้
ถูกทุบขุมข่ายผลประโยชน์ราบคาบเช่นนี้ มีหรือตำรวจจะไม่โกธรจนลมพลุ่งพล่านออกหู
และก่อนหน้านี้ที่สร้างความไม่พอใจสุดๆ คือ การสั่งเด้ง “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พ้นเก้าอี้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ พล.ต.อ.อดุลย์ มีชื่อเป็นถึง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเหล่าคนสีกากีรู้สึกเหมือนโดนหักหลัก เพราะตำรวจก็ยอมรับสภาพแล้ว เหตุใดถึงต้องทำกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แบบไม่ไว้หน้า รวมทั้งเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือน “บิ๊กอู๋” ก็จะเกษียณราชการอยู่แล้ว ไม่น่าจะต้องเด้งเข้ากรุขนาดนั้น
เช่นเดียวกับตำรวจระดับ “ผู้บัญชาการ” ที่โดนคำสั่งย้ายล้างบางเกือบแทบทุกกองบัญชาการ ซึ่งในมุมตำรวจมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ มาย้ายตำรวจเกือบทั้งประเทศ ขวัญและกำลังใจการทำงานเสียหมด อารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจ “ขุนทหาร” จึงมีเป็นลำดับเรื่อยมา
พอมาผสมกับคลิป “ประจานตำรวจ” ออกมา แรงเพรียกหา “ศักดิ์ศรี” ของคนสีกากีจึงออกมา ก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำกระจายออกไปเป็นวงกว้างขึ้นในตอนนี้ เพื่อรอเอาคืน
ทั้งๆ ที่คำว่า “ศักดิ์ศรี” ยังเป็นคำถามต่อการทำงาน “ตำรวจ” ในช่วงที่รับใช้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แบบหมาบ้า จนเป็นหนึ่งในปัญหาที่ คสช. หยิบมาเป็นประเด็นปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีประสิทธิภาพ