xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ต้องรีบถอนฟืน “ยาเสพติด” ออกจากกองไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
ดังที่ทราบกันมานานแล้วว่า สถานการณ์ความไม่สงบที่ส่งผลให้เกิดความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น จ.สตูล นั้น ไม่ได้เกิดจากปัญหาของการแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีการเรียกปัญหานั้นว่า
 
“ภัยแทรกซ้อน”
 
สำหรับภัยแทรกซ้อนที่มีการพูดถึงบ่อยๆ ทั้งจากฝ่ายกองทัพ ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครอง จนเวลานี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด และอาจจะใหญ่กว่าเรื่องของขบวนการแบ่งแยกดินแดนด้วยซ้ำ นั่นคือ
 
“ปัญหายาเสพติด
 
ณ วันนี้ ทั้งกองทัพ ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้มองปัญหาการค้าขาย และการเสพยาในชายแดนใต้เป็นปัญหาหลัก และมีความสำคัญมาก ถึงขั้นที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ได้ประกาศไปแล้วว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชายแดนใต้ต้องถูกยกให้เป็น
 
“วาระแห่งชาติ”
 
แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปในชายแดนใต้ต่างมองเห็นตรงกันว่า ปัญหาของยาเสพติดเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก เพราะแทบจะทุกครอบครัวได้รับผลกระทบไม่โดยตรง ก็โดยอ้อม ถึงขั้นคนในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความรุนแรงส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากปัญหายาเสพติด มากกว่าเรื่องของการแบ่งแยกดินแดนเสียอีก
 
สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งคือ ชาวชายแดนใต้ต่างเห็นถึงภัยของยาเสพติด และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจเร่งปราบปรามให้หมดโดยเร็ว
 
เชื่อไหมว่าหัวข้อสนทนายอดฮิตของชุมชนคนชายแดนใต้ในวันนี้วนอยู่แต่เรื่องทำนองว่า ลูกฉันติดยา ลูกเธอติดยาไหม ลูกเจ้านี่ติดคุกเพราะค้ายา ลูกคนนั้นลักทรัพย์สินในบ้านไปขายเพื่อซื้อยาเสพ และมักจะได้ยินเสียพร่ำบ่นว่า กลุ้มกับปัญหายาเสพติดจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เป็นต้น
 
ในขณะที่ขบวนการค้ายาเสพติดในชายแดนใต้นับวันยิ่งขยายตัวใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเห็นว่าในการจับยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคอื่นๆ นั้น บ่อยครั้งที่ผู้ถูกจับให้การว่า ต้องการลำเลียงไปส่งยังแผ่นดินปลายด้ามขวาน และบ่อยครั้งที่คนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ถูกจับกุมในขณะที่ลำเลียงยาเสพติดลงมาจากกรุงเทพฯ และภาคเหนือ
 
ทั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นในอดีต หรือปัจจุบัน ประเทศมาเลเซียคือ ทางผ่านของยาเสพติดจากชายแดนใต้ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก และชาวจีนมาเลย์จำนวนหนึ่งถือเป็นนักค้ายาเสพติดที่ไม่เคยเกรงกลัวกฎหมาย แม้ในประเทศเขาเองจะมีโทษถึงขึ้นแขวนคอก็ตาม
 
ข้อมูลของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า ในชายแดนใต้มี 4 ตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด และมีเครือข่ายโยงใยไปทั่วในพื้นที่ และในภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งมีหลักฐานปรากฏชัดว่า มีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทั้งระดับ “แกนนำ” และ “แนวร่วม” โดยมีการโอนเงินให้กลุ่มปฏิบัติการเพื่อใช้ก่อการร้าย
 
แม้แต่เหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม และสร้างความหวั่นวิตกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ก็มีหลักฐานชี้ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มค้ายาเสพติดในชายแดนใต้
 
ที่ผ่านมา แม้จะมีการระบุว่า ขบวนการค้ายาเสพติดในชายแดนใต้คือ “ภัยแทรกซ้อน” ที่เอื้อประโยชน์แก่ขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ รวมถึงมีหลักฐานชี้ว่าความรุนแรงส่วนหนึ่งเกิดจากขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้เงินหว่านถึงถึงขบบวนการแบ่งแยกดินแดนให้สร้างสถานการณ์ เพื่อเปิดช่องทางให้ขบวนการค้ายาเสพติดขนถ่าย หรือลำเลียงสินค้าได้ง่ายขึ้น
 
แต่วิธีปฏิบัติในด้านการปราบปราม ไม่ว่าจากกองทัพ ตำรวจ และฝ่ายปกครอง แม้กระทั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ ป.ป.ส.เอง ก็ยังไม่มีอะไรที่เด่นชัด ซึ่งอาจเป็นเพราะความอ่อนแอของอำนาจรัฐที่มีแต่เรื่องความขัดแย้งการ การทุจริต จนไม่ได้ให้ความสนใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
 
ดังนั้น จึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่เวลานี้มีการยึดอำนาจรัฐของคณะทหารกลุ่มหนึ่ง โดยมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง จึงอยากเห็น คสช.มองเห็นเรื่องปัญหายาเสพติดในชายแดนใต้เป็นเรื่องเร่งด่วน หรือเป็นวาระแห่งชาติด้วยเช่นกัน
 
เนื่องเพราะขบวนการค้ายาเสพติดในชายแดนใต้ แตกต่างกับขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาคอื่นๆ ตรงที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเครือข่าย หรือแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งมีทั้งการก่อการร้าย และก่อเหตุแบบรายวัน
 
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนในขบวนการค้ายาเสพติดชายแดนใต้มีอยู่จำนวนไม่น้อยเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” เป็นผู้นำท้องที่ หรือเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสร้างอิทธิพลจากเม็ดเงินที่มาจากการค้ายาเสพติดนั่นเอง
 
ดังนั้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงมักไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการดับไฟใต้ เพราะหากไฟใต้มอดดับลงเมื่อไหร่ การค้ายาเสพติดก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยกระพือไฟใต้ให้โชนเปลวอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อเจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นไม่ให้ออกท้องที่ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การลำเลียงสินค้าเป็นไปอย่างสะดวก
 
วันนี้สิ่งที่ประชาชนในชายแดนใต้อยากเห็นเป็นที่สุดคือ คสช.ควรต้องให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรองลงไป
 
หากทำได้เช่นว่า ถือเป็นโอกาสในการซื้อใจมวลชนในพื้นที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งจะทำให้มองเห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อมได้ไม่ยากเย็น
 
นั่นก็คือโอกาสของ พล.ท.วิลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการเปิดเกมรุกเพื่อทุบทำลายขบวนการค้ายาเสพติดในชายแดนใต้ได้อย่างขุดรากถอนโคน อันน่าจะตรงกับลักษณะของบุคลิกที่มีความจริงจัง และมุ่งมั่นต่อการเดินหน้าดับไฟใต้
 
เชื่อเถอะว่าถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สามารถทำลายล้างขบวนการค้ายาเสพติดบนแผ่นดินปลายด้ามขวานให้สิ้นซากได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็จะไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คิด แล้ววิกฤตไฟใต้ก็จะลดการโชนเปลวลงไปอย่างมากมายด้วย
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น