สตช.แถลงผลจับกุมนักเล่นพนันฟุตบอลโลก ได้ผู้ต้องหากว่า 3 พันราย เพิ่มมาตรการเข้ม เน้นการจับกุมนายทุน เจ้ามือรายใหญ่ ลั่นถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์แล้ว 100 กว่าราย
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการปราบปรามการพนันทายผลฟุตบอลโลกทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และ พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ร่วมประชุมด้วย
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า จากที่มีการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลกขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (29 มิ.ย.) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3,000 กว่าราย ถือว่าการทำงานของตำรวจเป็นที่น่าพอใจ โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงท้ายของการแข่งขันที่ใกล้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยให้เน้นไปที่การปราบปรามเจ้ามือการพนันรายใหญ่ ในส่วนนี้ได้สั่งให้ทุกจังหวัดส่งรายชื่อ สืบสวนสวนหาข้อมูลว่าใครเป็นเจ้ามือรับทายผลพนันฟุตบอลในพื้นที่ และหากสามารถเข้าจับกุม หรือปราบปรามได้ก็ให้เร่งปฏิบัติได้ทันที
พล.ต.อ.เอกกล่าวต่อว่า จากการจับกุมที่ผ่านมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้เกี่ยวข้อง ผู้ที่เปิดเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งนายทุนส่วนใหญ่พยายามที่จะปกป้องไม่ให้มีพยานหลักฐานสาวถึงตัวได้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานจะพยายามทุกวิถีทางในการสืบสวนหาหลักฐานเพื่อจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือต้นตอที่เกี่ยวข้องต่อการกระทำผิด หรือนายทุนการที่อยู่เบื้องหลังการเล่นพนันผลฟุตบอลทุกกรณี ขณะนี้รายชื่อเจ้ามือที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ ถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์อยู่ 100 กว่าราย นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ศูนย์ตามจังหวัดต่างๆ ตั้งเป็นฐานข้อมูลสำหรับการป้องกันและปราบปรามการทายผลฟุตบอล ผู้เล่นที่จับได้ 1,000 กว่าราย จะเป็นกลุ่มที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและฟ้องเพิ่มโทษ หรือแม้กระทั่งการฟอกเงินต่อผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มเฝ้าระวัง หรือรายชื่อที่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องของการบริหารงานป้องกันปราบปรามการทายผลฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในปีนี้การทำงานของตำรวจเป็นระบบมากขึ้น เพราะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆ หน่วยงาน ในส่วนของการปิดกั้นเว็บไซต์รับพนัน บก.ปอท.เป็นเจ้าภาพหลักการประสานกับกระทรวงไอซีที ในการปิดกั้นส่วนของการพนัน เนื่องจากเป็นนโยบายตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 24 เป็นนโยบายการป้องกันอย่างเด็ดขาด ในส่วนของตนซึ่งอยู่ในคณะทำงานติดตามสื่อออนไลน์ของ คสช.สามารถใช้อำนาจพิเศษในกรณีที่มีการปิดกั้นเว็บไซต์ไปแล้ว แต่กลับมาเปิดใหม่ หรือเล็ดลอดจากการปิดกั้นในระบบปกติ รวมไปถึงการสืบค้นหาต้นตอตัวบุคคลที่ใช้ช่องทางในการเปิดรับแทงพนันผลฟุตบอลออนไลน์รายใหญ่ๆ ในส่วนที่กล่าวมานั้นตนจะลงไปเสริมในด้านการทำงานของการป้องกันและปราบปรามร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าวต่อว่า ในกรณีที่ไม่สามารถปิดเว็บไซต์อีก 200 กว่าเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นใหม่ได้ในขณะนี้นั้น เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มีทั้งที่เปิดในประเทศ และต่างประเทศ ในการปิดกั้นนั้นมีความซับซ้อน เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์มีทั้งผู้ให้บริการที่กระทำผิดกฎหมาย และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการดำเนินงานต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการรายอื่น ซึ่งเจ้ามือรายใหญ่มีจำนวนเพียงหลักสิบเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า จากที่มีการจับกุมเจ้ามือรับแทงผลฟุตบอลโลกรายใหญ่ที่หัวหิน เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น มีการขยายผลจับกุมต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้นสามารถยึดสมุดบัญชีได้ 20 บัญชี ทั้งนี้ เนื่องจากการพนันออนไลน์แตกต่างจากการพนันทั่วไป ในการจับกุมถึงแม้จะมีการพบคอมพิวเตอร์ สมุดบัญชี หรือของกลางต่างๆ จะไม่สามารถกล่าวหา หรือจับกุมเจ้ามือได้ เพราะการจับกุมเอาผิดต่อเจ้ามือรับแทงผลฟุตบอลโลกนั้น ต้องมีหลักฐานมากกว่าของกลางที่พบ ขณะนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้ามือรับแทงผลฟุตบอลโลกรายใหญ่ที่จับกุมได้ที่หัวหินในวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความซับซ้อนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน ตัวเว็บไซต์ หรือลูกค้า ในส่วนนี้ต้องใช้เวลาในการสืบค้นต่อไป และจะเร่งจับกุมเจ้ามือรายอื่นๆ อย่างเต็มที่